สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ตั้งกองทรัสต์ช่วยเอสเอ็มอี เข้าร่วมลงทุนรับเป็นพี่เลี้ยงวางแผนธุรกิจ
01/08/2016
ข่าวเศรษฐกิจ
กรุงไทย จับมือตลท.และ สวทช.จัดตั้งกองทรัสต์ร่วมลงทุนเอสเอ็มอี วงเงิน 2,300 ล้านบาท เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และ Startup เข้าถึงแหล่งเงินทุน พร้อมรับเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน การลงทุน ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น



นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมลงนามกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกันตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)วงเงินรวม 2,300 ล้านบาท ในรูปแบบกองทุนร่วมลงทุนในกิจการ (SMEs Private Equity Trust Fund) โดยธนาคารกรุงไทยสนับสนุนวงเงิน 2,000 ล้านบาท ตลท.วงเงิน 200 ล้านบาท และ สวทช. วงเงิน 100 ล้านบาทซึ่งผู้ประกอบการจะได้รับเงินทุนสนับสนุนคำปรึกษาด้านการเงิน ความรู้การลงทุน และการบริหารสำหรับกิจการที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลท.

กองทรัสต์มีเป้าหมายร่วมลงทุนกับเอสเอ็มอี ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ เอสเอ็มอี ระยะเริ่มต้น (Startup) ที่มีศักยภาพสูง, เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการเติบโต และใช้เทคโนโลยีเป็นฐานการผลิต หรือบริการ หรือนวัตกรรม รวมทั้งเอสเอ็มอีที่มีประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นซัพพลายเออร์ธุรกิจภาครัฐและภาคเอกชนขนาดใหญ่ ที่สำคัญต้องเป็นสมาชิกของสภาหอการค้าไทย หรือหน่วยงานภาครัฐ

โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย และบลจ.วรรณ ดูแลผลประโยชน์ของกองทรัสต์คาดจะใส่เงินร่วมลงทุนในเอสเอ็ม ประมาณปลายไตรมาส 3 ซึ่งเม็ดเงินที่ลงทุนแต่ละบริษัทจะอยู่ที่ 20-150ล้านบาท และคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน 7 ปีจะให้ผลตอบแทน 100% สำหรับกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพคาดว่าจะเข้าไปร่วมลงทุนเช่นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ภาคบริการ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเป็นต้น

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลท. กล่าวว่า เอสเอ็มอีเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต หรืออาจเป็นธุรกิจที่มีส่วนสนับสนุน หรือเป็นซัพพลายเชนให้กับบริษัทจดทะเบียน ดังนั้นจึงต้องสร้างความแข็งแกร่งให้เอสเอ็มอี ด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ ผ่านการร่วมลงทุนในกองทรัสต์ในรูปแบบกองทุนร่วมลงทุน ซึ่งตลท.จะร่วมลงทุนกับกองทรัสต์ที่ตั้งขึ้น 200 ล้านบาท อนาคตจะนำเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพเหล่านี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้ประกอบการเป้าหมายเบื้องต้นจะต้องเป็นกิจการที่มีศักยภาพสูงและเป็นซูเปอร์สตาร์ ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นฐานการผลิตหรือบริการ และมีผลประกอบการย้อนหลังอย่างน้อย 2-3 ปี นอกจากนี้จะพิจารณาถึงทีมบริหาร กลยุทธ์การตลาด การต่อยอดในเชิงพาณิชย์ ฯลฯ ซึ่งการสนับสนุนวิสาหกิจเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการ และสร้างมูลเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่ประเทศได้ในระยะยาวอีกด้วย

นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นหน่วยงานด้านการวิจัยและพัฒนา
ที่พร้อมจะนำนวัตกรรมจากการวิจัยและพัฒนามาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งการร่วมจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกันนี้ สวทช. มีนโยบายมุ่งเน้นที่จะใช้เทคโนโลยีฐานในการผลิตและบริการ

นอกจากนี้สวทช. ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่พร้อมจะให้คำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจและนำเทคโนโลยีไปใช้อีกด้วย การใช้เทคโนโลยีสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีนี้จะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและเติบโตอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด นอกเหนือจากการร่วมลงทุนสวทช. ยังมีมาตรการอื่นๆ สนับสนุนผู้ประกอบการในด้านเทคโนโลยี เช่น การรับรองโครงการวิจัยและพัฒนา การรับรองธุรกิจเทคโนโลยี เพื่อยกเว้นภาษีเงินได้ เป็นต้น

ขณะเดียวกันตามที่ครม.ได้อนุมัติโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) สำหรับเอสเอ็มอีในลักษณะสินเชื่อระยะยาว เพื่อใช้ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ในรูปแบบการซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ก่อสร้างอาคารถาวรสำหรับตั้งเครื่องจักรใหม่ ต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายหรือทำให้ดีขึ้น สำหรับทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อใหม่ ภายใต้เงื่อนไขไม่ให้รีไฟแนนซ์หนี้เดิม แต่ไม่นับรวมการซื้อที่ดินและก่อสร้างที่อยู่อาศัย โดยมีวงเงินรวมทั้งโครงการ 30,000 ล้านบาทนั้น

ล่าสุดนายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้จัดเตรียมวงเงินสินเชื่อเพื่อรองรับโครงการนี้ 10,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำเพียง 4% ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 7 ปี และเพื่อลดภาระการผ่อนชำระคืนเงินต้นให้ลูกค้าในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวในปีนี้ ธนาคารจึงเสนอระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 12 เดือน ให้กับลูกค้าทุกรายที่เข้าร่วมโครงการ เริ่มผ่อนชำระคืนเงินต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เป็นต้นไป ยื่นขอสินเชื่อได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 หรือจนกว่าวงเงินจะถูกจัดสรรหมด
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.