สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

พณ.เผยส่งออก มิ.ย. ติดลบน้อยลง วางแผนดันครึ่งปีอยู่ในแดนบวก
28/07/2016
ข่าวเศรษฐกิจ


นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำเดือน มิ.ย.59 และครึ่งปีแรกของปี 2559 ว่า ตัวเลขการส่งออกในเดือน มิ.ย. 2559 มีมูลค่า 18,146.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 0.07% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.58 ซึ่งเป็นการหดตัวที่ดีขึ้นจากเดือน เม.ย. และ พ.ค. แสดงให้เห็นถึงการส่งออกที่เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งออกที่ยังลดลงเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง ไม่แน่นอน รามสินค้าเกษตร และน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 มีมูลค่า 105,137.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 1.59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ในส่วนของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ในเดือน มิ.ย. มูลค่าติดลบ 7.9% ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากปริมาณการส่งออก และราคาการส่งออกลดลง ตามภาวะภัยแล้ง ผลผลิตเหลือตามฤดูกาล การชะลอตัวของความต้องการสินค้าในตลาดโลก และราคาน้ำมันที่ส่งผลต่อราคาสินค้าเกษตร โดยสินค้าที่ลดลง คือ ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และน้ำตาล แต่ในส่วนของอาหารทะเลแช่แข็ง และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ยังขยายตัวได้ดี

ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม มูลค่ากลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ขยายตัว 3.1% โดยสินค้าที่ขยายตัว คือ รถยนต์และส่วนประกอบ ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ส่งออกไปในออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และจีน แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ แต่ในส่วนของ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง และอัญมณีและเครื่องประดับ ยังคงหดตัว

สำหรับการนำเข้าในเดือน มิ.ย. 2559 มีมูลค่า 16,180.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 10.11% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. 2558 ส่งผลให้เดือนนี้ ไทยเกินดุลการค้า 1,965.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2559 มีมูลค่า 92,724 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 10.23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งปีแรกไทยเกินดุลการค้า 12,413.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ มองว่า การส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 มีแนวโน้มปรับตัวได้ดีขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในระดับ 40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และคาดว่าไม่น่าจะลดลงต่ำกว่านี้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการส่งออกไทย รวมถึงสถานการณ์ตลาดส่งออกสำคัญของไทยก็ปรับตัวดีขึ้น ทั้ง สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ยุโรป และเอเชียใต้ การส่งออกไทยที่ดีเมื่อเทียบกับหลายประเทศ ส่วนแบ่งตลาดในเกือบทุกตลาดสูงขึ้น แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีทิศทางดีขึ้นจากการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การสนับสนุน SMEs การนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนประเทศ ทั้งนี้แม้เอกชนจะมองว่าการส่งออกไทยปีนี้จะอยู่ในระดับติดลบ 2% แต่ตนเชื่อว่าหากติดลบจริงก็ไม่น่าติดลบเกิน ลบ 1% หรือมีความเป็นไปได้ในภาวะเศรษฐกิจโลกขณะนี้ น่าจะอยู่ในกรอบ ติดลบ 1 ถึง 1% ซึ่งทางกระทรวงจะพยายามผลักดันการส่งออกให้เป็นแดนบวกได้มากที่สุด และยังคงเป้าหมายการทำงานไว้ที่ 5%

สำหรับแนวทางเบื้องตนในการขับเคลื่อนการส่งออกในครึ่งปีหลัง ได้มีการแบ่งกลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญ 30 อันดับแรกไว้ เป็น 4 กลุ่ม เพื่อให้ให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ คือ กลุ่มที่จะมีการผลักดัน กลุ่มที่ต้องสนับสนุน กลุ่มที่ต้องติดตามและแก้ไข และกลุ่มที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะการเร่งติดตาม และสนับสนุนกลุ่มสินค้าที่จะเพิ่มมูลค่า และเติบโตสูง เช่นเครื่องปรับอากาศ ส่วนประกอบ ชิ้นส่วนยานยนต์ ทองคำ ขณะที่ตลาดก็จะแบ่งเป็น 30 ตลาดส่งออกสำคัญด้วยเช่นกัน ซึ่งกลุ่มที่จะเน้นมากคือกลุ่มตลาดที่ต้องสนับสนุน คือ ออสเตรเลีย เวียดนาม สวิสเซอร์แลนด์ และอินโดนีเซีย เพราะมีการขยายตัวได้ดี และมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.