สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ครึ่งปีแรกลงทุนแค่2.24แสนล. ยอดขอใบอนุญาตเปิดโรงงาน-ขยายกิจการวูบ
08/07/2016
ข่าวเศรษฐกิจ
กรมโรงงานเผยครึ่งปีแรกยอดขอใบอนุญาต รง.4และขยายกิจการรวมมูลค่ากว่า 2.24 แสนล้านบาทลดลง 7.7 % แต่ยังมั่นใจทั้งปีโตไม่น้อยกว่า 5% จากแรงหนุนมาตรการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมของรัฐ รวมทั้งการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ช่วยเพิ่มความมั่นใจนักลงทุน



นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า การขอใบอนุญาต รง.4 และขยายกิจการช่วง 6 เดือนแรกปี 2559 (มกราคม-มิถุนายน) มีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 2,407 โรงงาน ลดลงช่วงเดียวกันในปี 2558 ที่มีอยู่ที่ 2,468 โรงงาน หรือลดลง 2.47% ขณะที่มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 2.24 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่อยู่ที่ 2.42 แสนล้านบาท หรือ ลดลงประมาณ 7.7%

โดยแบ่งเป็นการเปิดกิจการใหม่จำนวน 2,052 โรงงานลดลง 0.67% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีอยู่ 2,066 โรงงาน ขณะที่มูลค่าการลงทุน 1.39 แสนล้านบาท ลดลง 22.69% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 1.79 แสนล้านบาท ส่วนการขยายกิจการมีจำนวน 355 โรงงานลดลง 11.69% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีอยู่ 402 โรงงาน ขณะที่มูลค่าการลงทุน 8.49 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 6.28 หมื่นล้านบาท

สำหรับอุตสาหกรรมที่มีจำนวนเปิดกิจการใหม่และขยายกิจการที่มีมูลค่ามากที่สุดในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 ได้แก่ การผลิตยานพาหนะและอุปกรณ์รวมทั้งการซ่อมยานพาหนะและอุปกรณ์ มูลค่าการลงทุน 4.4 หมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมอาหาร 2.2 หมื่นล้านบาท ผลิตภัณฑ์จากพืช 1.1 หมื่นล้านบาท ผลิตภัณฑ์โลหะ 1.04 หมื่นล้านบาท ผลิตภัณฑ์อโลหะ 9.4 พันล้านบาท ตามลำดับ

“ยอดขอ รง.4 และขยายกิจการในช่วง 6 เดือนแรกลดลงไม่มากนักเมื่อเทียบกับปี 2558 ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่จะมาเร่งเมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลัง ซึ่งก็จะมีการขอ รง.4ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี และเชื่อว่าในปีนี้ยอดการขอใบ รง.4 อาจจะสูงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการออกมาช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐมีนโยบายและมาตรการกระตุ้นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเช่นนโยบายการพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต, ไทยแลนด์ 4.0,อินดัสเทรียล 4.0 เป็นต้น รวมทั้งเม็ดเงินลงทุนต่างๆ ที่รัฐบาลได้อัดฉีดไปในโครงการต่างๆ เริ่มเห็นผลมากขึ้นทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจและเริ่มมีการลงทุนและขยายกิจการมากขึ้น ทำให้คาดว่าในปีนี้การขอ รง.4 และขยายกิจการน่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาหรือโตขึ้นประมาณ 5%” นายพสุ กล่าว

สำหรับการแจ้งประกอบและเริ่มส่วนขยายโรงงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี พบว่า มีจำนวน 2,020 โรงงาน ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามี 2,500 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 2.30 แสนล้านบาท ลดลง 52% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 4.89 แสนล้านบาท มีการจ้างงาน 9,820 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา14.4% ขณะที่ในเดือนมิถุนายนมีจำนวน 336 โรงงาน ลดลง 24.49% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 454 โรงงาน

โดยอุตสาหกรรมที่มีการแจ้งประกอบและเริ่มส่วนขยายโรงงานที่มีมูลค่ามากที่สุดในช่วง 6 เดือนแรก ได้แก่ การผลิตยานพาหนะและอุปกรณ์รวมทั้งการซ่อมยานพาหนะและอุปกรณ์ มูลค่าการลงทุน 2.74 หมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมอาหาร 1.88 หมื่นล้านบาท ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 1.33 หมื่นล้านบาท ผลิตภัณฑ์จากพืช 1.1 หมื่นล้านบาทผลิตภัณฑ์อโลหะ 1.21 หมื่นล้านบาท เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี 1.2 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ

ส่วนจังหวัดที่มีมูลค่าการลงทุนมากสุดที่เข้ามาแจ้งประกอบและเริ่มขยายโรงงงานมากที่สุด ได้แก่ ชลบุรี 3.14 หมื่นล้านบาท ปราจีนบุรี 2.55 หมื่นล้านบาท ปทุมธานี 2.48 หมื่นล้านบาท สระบุรี 1.48 หมื่นล้านบาท สมุทรปราการ 1.13 หมื่นล้านบาทตามลำดับ

“การแจ้งประกอบและเริ่มส่วนขยายโรงงานนั้น ขณะนี้มีการเปิดกิจการจริงแล้วประมาณ 80-90%ของยอดขอ รง.4 ทั้งหมด โดยจะเห็นว่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (EEC) เริ่มมีขยายตัวมากขึ้นหลังรัฐบาลเริ่มมีความชัดเจนในเรื่องนโยบาย ทั้งนี้ในแต่ละปีจะมีโรงงานที่เปิดและขยายกิจการจริงแจ้งเข้ามาประมาณ 5 พันโรงงาน มูลค่าการลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านบาท” นายพสุกล่าว

อนึ่งก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ เปิดเผยว่า แนวโน้มปี 2559 การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ 45,0000 ล้านบาทจากที่ครึ่งปีแรกประเมินว่าจะมีการยื่นคำขอ 300,000 ล้านบาท ส่วนเม็ดเงินลงทุนจริงปีนี้จากโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนไปแล้วก่อนหน้าคาดว่าจะมีวงเงิน 600,000-700,000 ล้านบาท จากไตรมาสแรกปี 2559 มียอดลงทุนจริงแล้ว 100,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2558 อุตสาหกรรมที่นักลงทุนสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทย จะอยู่ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และภาคบริการ ได้แก่ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีสูง อาหารเพื่อสุขภาพ ชิ้นส่วนโทรคมนาคมอย่างออฟติกไฟเบอร์ และเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.