นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบายส่งเสริมการลงทุนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่จะนำร่องใน 3 พื้นที่ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา จะส่งผลดีต่อภาคการลงทุน เนื่องจากพื้นที่ที่รัฐบาลสนับสนุนมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน เป็นจุดเชื่อมต่อกับอีสเทิร์น ซีบอร์ด และอยู่ไม่ห่างจากสนามบินมาก ส่วนธุรกิจที่รัฐบาลจะสนับสนุนก็อยู่ในกลุ่มต่อยอดอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของภาคการผลิต จึงเชื่อว่าจะทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น
"ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่พร้อมขายและให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และอมตะ ซิตี้ รวม 2,000 ไร่ และมีพื้นที่ที่เตรียมพัฒนา (แลนด์แบงค์) อีกประมาณ 13,000-14,000 ไร่ หากรัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนต่อเนื่องและชัดเจน โดยนโยบายอีอีซี และสามารถบริหารประเทศได้ตามแผนการปฏิรูปทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เชื่อว่าพื้นที่ลงทุนในนิคมของอมตะจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเต็มพื้นที่เร็วขึ้นเป็นภายใน 4-5 ปี จากเดิมคือ 5-6 ปี"นายวิบูลย์กล่าว
สำหรับยอดซื้อที่ดินเพื่อลงทุนตั้งโรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 2 แห่ง คือ นิคมฯอมตะนคร จ.ชลบุรี และอมตะซิตี้ จ.ระยอง ตั้งแต่เดือนมกราคม-20 มิถุนายน2559 อยู่ที่ 250 ไร่ ถือเป็นระดับต่ำแต่ปกติตามฤดูกาล ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ยังถือว่าสูงกว่าช่วงเดียวกับปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น และยุโรปใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายมากกว่า 50% โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีนักลงทุนเข้าซื้อและเช่าพื้นที่ในนิคมทั้ง 2 แห่ง ตามเป้าหมายทั้งปีที่คาดไว้ 1,000 ไร่
นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานฝ่ายบริหาร บริษัท ไทยนิปปอน รับเบอร์ อินดัสตรี้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางทั้งในและส่งออกไปต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีที่ภาครัฐมีการโครงการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ให้สิทธิประโยชน์การลงทุนสูงสุด จะเป็นผลดีในการดึงดูดการลงทุนแก่ภาคเอกชน ซึ่งทางบริษัทตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จ.ชลบุรี อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ สามารถขนส่งสินค้าได้หลายรูปแบบ อย่างไรก็ตามเอกชนขอดูความชัดเจนของนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษอีกครั้งก่อนที่ตัดสินใจลงทุนในอนาคต
นายอมร กล่าวว่า สำหรับการลงทุนของบริษัท ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ ปัจจุบันสิทธิประโยชน์อยู่ระดับดี เพราะรัฐบาลให้สิทธิประโยชน์สูงสุดโดยการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สูงสุด 8 ปี และลดหย่อน 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี แต่อุปสรรคของการลงทุนของอุตฯเครื่องมือทางการแพทย์ คือ ค่าแรงของพนักงาน ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศเวียดนาม ประเทศไทยยังคงมีอัตราค่าแรงที่สูงกว่าอยู่มาก หากภาครัฐมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นอีกอาจส่งผลให้มีผลต่อการเข้ามาลงทุนในประเทศอีกครั้ง
นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) มีโรงงานผลิตเหล็กตั้งอยู่ในนิคมฯเหมราช จ.ชลบุรี กล่าวว่า หากรัฐบาลกระตุ้นการลงทุนในภาคตะวันออก ที่จะกระตุ้นทั้งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนของเอกชน เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อกำลังผลิตเหล็กของบริษัทให้กลับไปเต็มกำลัง คือ 1.7 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันผลิตอยู่ที่ 1.15 ล้านตันต่อปี เพราะที่ผ่านมาปริมาณการใช้เหล็กของไทยลดลง และประสบปัญหาโดนสินค้าจากต่างประเทศแย่งตลาด