สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

สศอ.หวั่นโรงงานไฟตก-ดับทำนโยบายซุปเปอร์คลัสเตอร์สะดุด เร่งทำแผนป้องกัน
15/06/2016
ข่าวเศรษฐกิจ


นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการคลัสเตอร์เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์โทรคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการคลัสเตอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าฯ โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จัดทำแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าเชิงรุกเพื่อรองรับการขยายตัวการลงทุนของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์โทรคมนาคม และสร้างจุดแข็งให้กับประเทศไทยในการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ โดย สศอ.ได้กำหนดกรอบรายชื่อโรงงานขนาดใหญ่ในพื้นที่เป้าหมายเรียบร้อยแล้วสำหรับใช้ในการสำรวจข้อมูลปัญหาระบบไฟฟ้าขัดข้องประมาณ 100 โรงงาน และจะเริ่มทำการสำรวจในช่วงเดือนมิถุนายน 2559 นี้ เพื่อเป็นข้อมูลให้ กฟภ.ใช้ในการจัดทำแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าต่อไป คาดว่าจะสามารถจัดทำแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าในพื้นที่เป้าหมายทั้ง 7 จังหวัดให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2559 และในเบื้องต้น กฟภ.ได้ส่งทีมงานเข้าไปตรวจสอบระบบไฟฟ้าและให้คำแนะนำด้านคุณภาพไฟฟ้ากับโรงงานในพื้นที่เป้าหมายบ้างแล้ว

ทั้งนี้อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์โทรคมนาคมเป็นคลัสเตอร์เป้าหมายในระยะแรก และได้ถูกกำหนดให้เป็นซุปเปอร์ คลัสเตอร์ เพื่อกระตุ้นการลงทุนของประเทศ เนื่องจากเป็นกิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์การลงทุนสูงสุด โดยมีพื้นที่เป้าหมายครอบคลุม 7 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และนครราชสีมา

“การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไฟฟ้า มีความสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์โทรคมนาคม ที่มีความต้องการระบบไฟฟ้าที่มีความเสถียรอย่างมาก เนื่องจากกระบวนการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีการควบคุมปริมาณอนุภาคและสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ไม่ให้เกินระดับที่กำหนดไว้ และต้องควบคุมปัจจัยเสริมต่างๆ ได้แก่ คุณลักษณะและความเร็วของลม อุณหภูมิ แรงดัน และระดับความชื้นสัมพัทธ์ มีระบบควบคุมการผลิตด้วยคอมพิวเตอร์ ดังนั้นการที่ไฟฟ้าตกหรือกะพริบเพียงเล็กน้อย อาจจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตโดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ในขั้นตอนการผลิตอาจจะได้รับความเสียหายทั้งหมด และอาจต้องเริ่มการผลิตสินค้านั้นใหม่ทั้งล็อต และการเปิดเครื่องจักรใหม่อีกครั้งจะต้องใช้เวลาเปิดเครื่องและเซ็ทระบบไม่น้อยกว่า 2-3 ชั่วโมงถึงจะสามารถเริ่มทำงานได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต และการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้” นายศิริรุจกล่าว
ที่มาของข่าว: มติชนออนไลน์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.