"สศค." ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้ลงเหลือ 3.3% จาก 3.7% หลังประเมินมูลค่าส่งออกขยายตัวติดลบ 0.7% จากขยายตัว 0.1%
จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอดตัวลง กดดันให้ตัวเลขการส่งออกไทย ยังคงมีแนวโน้มการขยายตัวลดลง ส่งผลให้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จำเป็นต้องปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลง (จีดีพี)
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล รองผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า ดังนั้นปีนี้ สศค. จึงปรับคาดการณ์จีดีพีลงมาอยู่ที่ 3.3% ซึ่งมีช่วงคาดการณ์อยู่ระหว่าง 3.0-3.6% ลดลงจากคาดการณ์เดิมในเดือนม.ค.ที่คาดจะขยายตัวได้ 3.7% สำหรับปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวลดลง คือ ตัวเลขการส่งออก ซึ่ง สศค.คาดการณ์ว่า จะขยายตัวได้ -0.7% จากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนม.ค.ที่คาดจะขยายตัวได้ 0.1%
"จีดีพีที่ขยายตัวในระดับ 3.3% ถือว่าเร่งตัวขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ 2.8% โดยได้รับแรงส่งจากการใช้จ่ายลงทุนภาครัฐ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการลงทุนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านการคมนาคมขนส่ง โครงการบริหารจัดการน้ำและพัฒนาระบบขนส่งทางถนน และกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนในปีนี้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องที่ 8.9% เช่นเดียวกับการบริโภคภาครัฐที่คาดจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.2%"
สำหรับการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ค่อยเป็นค่อยไป โดยการบริโภคภาคเอกชน คาดขยายตัวที่ 2.1% ขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน ตามแนวโน้มการจ้างงาน และรายได้นอกภาคเกษตร ที่มีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาพรวม และการลงทุนภาคเอกชนคาดขยายตัว 3.0% ตามภาวะเศรษฐกิจภาพรวมที่ฟื้นตัวขึ้นและการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีความชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนปรับตัวดีขึ้นตาม
นอกจากนี้ แนวโน้มราคาน้ำมันที่ลดลงและนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนอย่างต่อเนื่อง มีส่วนช่วยให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับที่สนับสนุนการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน สำหรับอุปสงค์ภายนอกประเทศคาดว่า ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการ จะกลับมาเติบโต 3.2% ฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อนหน้า
ด้านนางสาวกุลยา ตันติเตมิท รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่า สมมติฐานต่อการปรับประมาณการในครั้งนี้ ประกอบด้วย 7 สมมติฐานหลัก โดยสมมติฐานสำคัญที่มีผลต่อการส่งออก คือ จีดีพีของ 15 ประเทศคู่ค้าหลัก ซึ่งมีผลต่อการส่งออก โดยสศค.ปรับลดเหลือ 3.49% จากประมาณการครั้งก่อนที่ขยายตัว 3.56% ประเทศคู่ค้าที่ปรับลง คือ สหรัฐเหลือ 2.4% จากคาดการณ์เดิม 2.5% ผลจากเครื่องชี้เศรษฐกิจในไตรมาสแรกแผ่วลง และยังปรับลดจีดีพีจากยอดการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่องของฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ ส่วน ญี่ปุ่นปรับลงเล็กน้อยจากความเสียหายแผ่นดินไหว ส่วนเวียดปรับลงจากจีดีพีไตรมาสแรกโตต่ำกว่าคาด
ด้านสมมติฐานค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐคาดอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 35.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เหตุผลเพราะที่ประชุมเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ไม่แข็งขึ้นมากนัก ด้านสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบนั้น ประเมินว่า ยังทรงตัวที่ 35 เหรียญต่อบาร์เรล โดยปัจจัยกระทบไม่กดดันให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น
สมมติฐานด้านการส่งออกนั้น สศค.ประเมินมูลค่าการส่งออกติดลบที่ 0.7% ด้านสมมติฐานดอกเบี้ยนโยบายไม่เปลี่ยนแปลง โดยอยู่ที่ 1.5% ต่อปี ด้านสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยว คาดว่า จะเพิ่มขึ้นเป็น 33.8 ล้านคน จากเดิม 33 ล้านคน เนื่องจาก ช่วงไตรมาสแรกจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวถึง 15.5% รายได้ขยายตัวเพิ่ม 13% ส่วนสมมติฐานด้านสุดท้าย คือ ด้านรายจ่ายสาธารณะ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากงบกลางปี ทำให้วงเงินงบรายจ่ายเพิ่มเป็น 2.776 ล้านล้านบาท จาก 2.72 ล้านล้านบาท
สศค.ประเมินด้วยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จีดีพีสามารถขยายตัวได้ประมาณ 3% ฉะนั้น เพื่อให้จีดีพีสามารถขยายตัวได้ตามคาดการณ์ 3.3% ไตรมาสส่วนที่เหลือของปีนี้ จีดีพีต้องโตมากกว่า 3% จึงจะทำให้จีดีพีโตในระดับดังกล่าวได้