กกร.ลดเป้าส่งออกปีนี้ จากเดิมโต 2% เหลือ 0–2% หลังทิศทางเศรษฐกิจโลกยังเปราะบางแต่ยังคงจีดีพีไว้ที่ 3–3.5% เหตุการท่องเที่ยวยังเติบโต จี้เอกชนเพิ่มกำลังการผลิต 80–90% กดต้นทุน หวังนำมาลดราคาสินค้าให้ผู้บริโภค
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ว่า กกร.ได้ประเมินภาวะการส่งออกของประเทศไทยในปีนี้ ที่พบว่าแนวโน้มการส่งออกยังได้รับแรงกดดันจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก กกร.จึงปรับเป้าหมายการส่งออกใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 2% เป็นอยู่ระหว่าง 0-2% เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก
สำหรับอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) กกร.ยังคงไว้ที่ระดับเดิมที่ยังขยายตัว 3-3.5% ภายใต้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในระดับต่ำ เฉลี่ย 0-1% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกรณีการผ่านงบประมาณกลางปีของภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลทยอยประกาศออกมา โดยเฉพาะการเร่งรัดแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่
“กกร.ยังได้หารือถึงแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถให้กับเอกชนโดยจะมีการประสานงานกับกรมสรรพากร เพื่อจัดอบรมให้ความรู้และช่วยแนะนำเอสเอ็มอี ให้เข้าใจถึงการจัดทำบัญชีเดียว ที่ล่าสุดมีเอสเอ็มอีมาลงทะเบียนเอสเอ็มอีแบบบัญชีเดียวกับกรมสรรพากร 507,635 ราย จากผู้ประกอบการทั้งหมด 600,000 ราย”
นายสุพันธุ์กล่าวว่า กกร.ยังจะเสนอรัฐบาล ให้ไปแนะนำให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีนโยบายและมาตรการสนับสนุนการลงทุนในต่างประเทศของผู้ประกอบการไทย เพื่อให้สามารถแข่งขันในเวทีสากลได้มากขึ้น รวมทั้งเสนอเรื่องให้กรมสรรพากรพิจารณาเรื่องของสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการนำรายได้จากการประกอบธุรกิจในต่างประเทศกลับมายังประเทศไทย และเสนอให้ปรับบทบาทสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ให้ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลงานด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) โดยกำหนดมาตรฐานสินค้า เพื่อป้องกันสินค้าด้อยคุณภาพเข้ามาในประเทศไทย และปรับมาตรฐานสินค้าในประเทศไทยให้สอดคล้องกับนานาประเทศ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดจากมาตรการกีดกันสินค้าที่ไม่ใช่ภาษี
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้า ไทย และหอการค้าไทยกล่าวว่า กกร.ต้องการเสนอให้ภาคเอกชน เพิ่มอัตรากำลังการผลิตจากปัจจุบัน เฉลี่ย 65% ให้เป็น 80-90% ของกำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมรวม เพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง เพื่อนำสินค้ามาลดราคาให้กับประชาชน เพราะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะปรับตัวในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และในเดือน เม.ย.นี้ กกร. จะออกคำแนะนำการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในการทำธุรกิจให้กับสมาชิก กกร. โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็ก นำไปปฏิบัติได้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการค้าโลก
“คำแนะนำเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถ ให้กับสมาชิกมีคำแนะนำต่างๆ ว่า จะเพิ่มขีดความสามารถได้อย่างไร ทั้งการเพิ่มนวัตกรรม การเพิ่มงานวิจัย การลดต้นทุนการผลิต เพราะถ้าเพิ่มกำลังการผลิตแล้ว ต้นทุนสินค้าลดลง แล้วนำสินค้ามา ลดราคาได้อย่างไร เพราะทุกฝ่ายต้องช่วยๆกันในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ คำแนะนำนี้เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการรายกลาง และรายเล็ก เพราะจะได้รู้แนวทางที่ชัดเจน”.