"ประยุทธ์" พบ นักลงทุนสหรัฐฯ ชวนนักธุรกิจเข้ามาลงทุนในไทย มั่นใจ เดินหน้าปฏิรูปประเทศ เชื่อ เศรษฐกิจไทยเติบโตในทิศทางบวก พร้อม สร้างบรรยากาศการลงทุน ปลอดทุจริตคอร์รัปชัน...
วันที่ 30 มี.ค.59 เมื่อเวลา 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ โรงแรม Four Seasons กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมงานกาล่าดินเนอร์ โดยสภาหอการค้าสหรัฐฯ และสภาธุรกิจสหรัฐฯ–อาเซียน ร่วมเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ในโอกาสร่วมประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม-1 เมษายน 2559 ภายในงาน ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ กลุ่มพลังงาน ยาและเคมีภัณฑ์ ก่อสร้าง สื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมผู้แทนจากภาครัฐของสหรัฐฯ
ด้านพล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระคำกล่าวนายกรัฐมนตรีในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ถึงการเดินทางมาสหรัฐฯ ครั้งนี้ ว่า มาในหลายฐานะ สำคัญที่สุด คือฐานะเพื่อน รองลงมาคือ หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรี เป็นสถานะที่ไม่อยากเป็น แต่ก็จะเป็นให้ดีที่สุด วันนี้ไทยและอาเซียน เปิดประชาคมอาเซียน แต่ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรปและสหรัฐฯ สายตาของโลกจึงจับจ้องมาที่ภูมิภาคเอเชียซึ่งมีประชากรกว่า 4.5 พันล้านคน มี GDP รวมกันทั้งสิ้น 27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีมูลค่าการค้ากว่า 1 ใน 3 ของมูลค่าการค้าโลก หวังว่าสหรัฐฯ และอาเซียนจะเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ดีต่อกัน ซึ่งไทยมีนโยบายเป็นไทย+1 หรืออาเซียน+1 โดยจะไม่ทิ้งไว้ข้างหลัง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า แม้วันนี้เศรษฐกิจโลกไม่สดใส แต่จากการพูดคุยกับภาคธุรกิจสหรัฐฯ ก็เริ่มเห็นอนาคตที่สดใส ซึ่งพร้อมรับฟังและจะนำไปปรับใช้กับไทยด้วย สิ่งสำคัญของคนที่เป็นทหาร คือไม่พูดอะไรที่ไม่เป็นความจริง เมื่อตัดสินใจจะทำอะไร ก็ต้องทำให้ได้
ทั้งนี้ ไทยและอาเซียนจะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก (TPP) อย่างแน่นอน ขอให้สหรัฐฯ ช่วยดูแล และรู้สึกยินดีที่สองประเทศเป็นมิตรต่อกันมากว่า 183 ปี ตนเห็นด้วยกับนโยบาย ปรับสมดุลอาเซียนของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แต่ควรทำให้ครบทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคมและวัฒนธรรม
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยัน รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน เพื่อเป็นรากฐานให้แก่อนาคตประเทศ 20 ปีข้างหน้า และให้ประเทศไทยสามารถเป็นหุ้นส่วนที่มีความรับผิดชอบ เข้มแข็งและสร้างสรรค์สำหรับสหรัฐฯ มิตรประเทศ และประชาคมโลก ในการสร้างความเข้มแข็งของประเทศจากภายในนั้น รัฐบาลได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการปฏิรูปประเทศ 5 ด้าน คงทำไม่ทัน ดังนั้นจะใส่ในยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งอยากให้สหรัฐฯ มีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ของไทย
สำหรับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยที่เป็นจุดแข็ง คือ ระดับเงินสำรองสูง อัตราการว่างงานต่ำ แรงงานมีทักษะ ที่มีความขยันขันแข็ง มีคุณภาพและสร้างสรรค์ ซึ่งเศรษฐกิจไทย–สหรัฐฯ ผูกโยงกันอย่างแน่นแฟ้น ปัจจุบันรัฐบาลออกมาตรการต่างๆ เพื่อปรับทุกอย่างให้ทันสมัย เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เป็นยุคใหม่ของไทย หากสงสัยอะไรให้ปรึกษาสถานทูตหรือสมาคมธุรกิจไทยในสหรัฐฯ
ในโอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังชวนเชิญนักธุรกิจสหรัฐฯ ร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร รวมถึงอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) 5 สาขา ได้แก่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมแพทย์ครบวงจร โดยมีมาตรการและสิทธิพิเศษทางภาษี
พร้อมยังระบุ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญเร่งด่วนกับการเสริมสร้างความเชื่อมโยงประเทศกับอาเซียน ด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ โดยเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างขนาดใหญ่ หลายรายการ รถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง รถไฟความเร็วสูง และรถไฟฟ้า 10 เส้นทางใหม่ รวมถึงปรับปรุงขยายท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเรือสำราญ และเรือยอชต์ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง และพัฒนาโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ.