"วิรไท" รับปี 2558 เป็นปีแห่งการผันผวนของเศรษฐกิจโลก พร้อมจับตาเศรษฐกิจปีนี้ใกล้ชิด ชี้ยังมีความเสี่ยงสูงต่อเนื่อง
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในปีนี้ ธปท. จะติดตามและประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดหลังจากที่เศรษฐกิจโลกผันผวนต่อเนื่องจากปี 58 ที่ผ่านมา และถือว่ายังมีความเสี่ยงสูงต่อเนื่องมาปีนี้ โดยจะประสานกับหน่วยงานเศรษฐกิจ ทั้งของภาครัฐและองค์กรกำกับดูแลต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความเห็น ประสานมุมมอง และร่วมกันพัฒนากรอบการติดตาม ประเมินเสถียรภาพ ระบบการเงินที่มีประสิทธิภาพเพื่อร่วมกันรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน และสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป??
ทั้งนี้ปี 58 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีแห่งความผันผวนของเศรษฐกิจโลก จาก 4 ปัจจัยที่ท้าทาย ทั้งเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออก และระบบการเงินของไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ สะท้อนได้จากการส่งออกที่ลดลงทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และมีกระแสเงินทุนไหลออก ยิ่งทำให้ตลาดการเงินผันผวนสูงขึ้นไปอีก ประกอบกับในประเทศยังประสบปัญหาภัยแล้ง และราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยลบที่ควบคุมไม่ได้
“ที่ผ่านมา เศรษฐกิจเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป และช้ากว่าที่คาด ส่งผลลบต่อรายได้ ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคเอกชน และคุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคาร ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทยจึงมีมากขึ้น แต่ด้วยฐานะการเงินของภาคธุรกิจ และภาคสถาบันการเงินที่ยังเข้มแข็งฐานะด้านต่างประเทศที่ยังมั่นคง ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ระดับสูง นโยบายมหภาคที่ยืดหยุ่นเพียงพอ ที่จะใช้ได้ยามจำเป็น จึงทำให้เสถียรภาพการเงินไทยรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้”
สำหรับความเสี่ยงสำคัญต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทยปีนี้ ยังมาจากเศรษฐกิจต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนและเอเชียที่ชะลอตัว รวมถึงความเสี่ยงจากเศรษฐกิจกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ทั้งการฟื้นตัวที่เปราะบาง ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ต่าง ๆ ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ลดลงและทรงตัวระดับต่ำ รวมทั้งการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักที่แตกต่างกัน
ส่วนปัจจัยในประเทศ ก็ยังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด กระทบต่อรายได้ ความสามารถในการชำระหนี้ครัวเรือนและเอสเอ็มอีก ดอกเบี้ยที่ยังต่ำ ทำให้นักลงทุนต้องแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ซึ่งก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้หรือสินทรัพย์อื่น ๆ และโดยเฉพาะธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกตราสารหนี้ที่ ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังพบสัญญาณเก็งกำไรจากการซื้อขายใบจองในตลาดอาคารชุดในเขตกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นบ้าง
ด้านสถาบันการเงินนั้น ยังประสบปัญหาคุณภาพสินเชื่อ และความสามารถในการทำกำไรด้อยลง แต่เงินสำรอง และเงินกองทุนยังอยู่ในระดับสูงช่วยรองรับความเสี่ยงจากการที่คุณภาพสินทรัพย์ด้อยลงได้ ขณะที่ตลาดการเงินยังต้องเผชิญกับความผันผวนของตลาดการเงินโลก ส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายอัตราแลกเปลี่ยน และราคาสินทรัพย์ต่างๆ จะผันผวนมากขึ้น