สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

เอกชนรับปากช่วย‘พาณิชย์’ขยายตลาด ถอดใจส่งออกโตแค่3%
19/01/2016
ข่าวเศรษฐกิจ
“สุวิทย์”กล่อมเอกชนกลับไปทำแผน และมาตรการดันส่งออกโต 5% ระบุเอกชน พร้อมร่วมมือรัฐดันส่งออกเต็มที่ ชี้ตอนนี้ทำได้ดีสุด 3% เท่านั้น



นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่าได้หารือร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ล่าสุดเอกชนได้แจงแผนในการผลักดันการส่งออกในปี 2559 ให้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดเอกชนคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวได้ 2.2% ให้เพิ่มเป็น 3% โดยเอกชนต้องการให้รัฐบาลเร่งขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เพิ่มขึ้น เพราะยังมีหลายตลาดที่สนใจข้าวไทย รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรทั้งข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์มน้ำมัน หากสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ก็จะช่วยผลักดันยอดการส่งออกในภาพรวมให้ดีขึ้นได้

ทั้งนี้ทางทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ขอความร่วมมือให้ภาคเอกชนกลับไปหาหรือในการผลักดันส่งออกขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ 5% โดยรัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกและการขยายตลาดสินค้า เบื้องต้นเอกชนรับปากที่จะกลับไปจัดทำแผนให้กระทรวงพาณิชย์รับทราบก่อนนำเสนอให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รับทราบต่อไป

ขณะเดียวกันในการหารือกับภาคเอกชน ทางเอกชนได้เสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ซึ่งคล้ายกับ กกร. ในแต่ละประเทศที่จะไปเจาะตลาด เพื่อนำข้อมูลจากการประชุมของ กกร. มาประเมินสถานการณ์การลงทุน, การค้า,การทำตลาดสินค้า และปัญหาต่างในการนำเสนอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก โดยการตั้งกกร.เน้นกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี เป็นหลักก่อน เพราะตลาดเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการจะเร่งการส่งออกให้เติบโตในตลาดนี้ ส่วนสถานที่เบื้องต้นน่าจะใช้สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ในประเทศนั้นๆ

อีกทั้งเอกชนยังได้เสนอให้รัฐบาลส่งเสริมธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับการกระจายสินค้า (เทรดดิ้งคอมปานี) เพื่อนำสินค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไปกระจายในตลาดซีแอลเอ็มวี เนื่องจากเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะนำสินค้าไปวางขายในตลาดเหล่านี้ได้ ทำให้จำเป็นต้องใช้ธุรกิจเทรดดิ้งเป็นช่องทางกระจายสินค้าทำตลาดก่อน

นอกจากนี้จากที่ได้พูดคุยกับตัวแทนจากรัฐบาลอิหร่าน ทางอิหร่านต้องการให้ไทยเข้าไปลงทุนในอิหร่านมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น โรงแรม รวมถึงการบริหารจัดการต่างๆเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของอิหร่าน หลังจากที่อิหร่านใกล้ถูกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติ เนื่องจากอิหร่าน มีเมืองโบราณและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญจำนวนมาก ดังนั้นทางอิหร่านจึงต้องการให้ไทยเข้ามาช่วยเหลือทางด้านการท่องเที่ยว ส่วนการลงทุนด้านการท่องเที่ยว เบื้องต้นจะเป็นลักษณะในเรื่องของการร่วมทุน

“อิหร่านมองว่าไทยมีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอย่างดี เห็นได้จากช่วงที่ผ่านมา การท่องเที่ยวในไทยเติบโตมาก”นายสุวิทย์กล่าว

ด้าน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจ โดยแนะว่า ให้จับตาตัวเลขจีดีพีของจีนที่จะประกาศในวันที่ 19 ม.ค.2559 และทิศทางราคาน้ำมันหลังสหรัฐและสหภาพยุโรป(อียู)ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน

โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินโลกยังผันผวนจากราคาน้ำมันที่ยังตกต่ำต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงถึง-12.90% ในสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ระดับ 29.23 USD/BBL ต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี จากความกังวลกับปริมาณน้ำมันที่จะล้นตลาดหลังจากอิหร่านจะได้รับการยกเลิกการคว่ำบาตรในช่วงนี้

“แม้ช่วงกลางสัปดาห์ตัวเลขการค้าของจีนจะออกมาดีกว่าคาด จากการส่งออกจีนเริ่มดีขึ้นด้วยตัวเลขดุลการค้าของจีนที่เพิ่มขึ้น 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ขณะที่ตัวเลขส่งออกและนำเข้าออกมาลบน้อยกว่าคาดเช่นกันที่ระดับ -1.4% และ -7.6% ตามลำดับ แต่ก็ยังไม่สามารถลบความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำได้ ส่งผลตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงทั้งหมด โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัว -2.3% นิคเคอิญี่ปุ่น -3.1% แดกซ์เยอรมัน -3.2% และเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ที่ -3.55% ด้าน SET Index ปิดสัปดาห์ที่ระดับ 1,245 จุด ปรับตัวลง 0.13% จากสัปดาห์ก่อน”

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี มองว่าตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 4 ของจีนที่จะรายงานออกมาจะเป็นสิ่งที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุดโดยหากยังรายงานการขยายตัวได้เกินกว่า 6.8% น่าจะส่งผลให้ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลดลงไปบ้าง อีกทั้งผลจากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะยังคงกดดันภาวะราคาน้ำมันต่อเนื่อง
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.