นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการหารือกับ นายเซนตะ โมริโอกะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ว่า การเดินทางมาเยือนไทยของรองผู้ว่าราชการ จ.ไอจิ ประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ได้นำนักธุรกิจจาก จ.ไอจิ มาเจรจาจับคู่ร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทย ในวันที่ 15 ม.ค. 59 โดยผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่เดินทางมาร่วมเจรจาในครั้งนี้มีจำนวน 23 ราย เป็นทั้งผู้ประกอบการขนาดกลางและใหญ่ และผู้ประกอบการไทยกว่า 100 ราย และคาดว่า จะมีการเจรจากับผู้ประกอบการไทยไม่ต่ำกว่า 70 กรณี
โดยบริษัทญี่ปุ่นทั้ง 23 ราย ที่เข้ามาเจรจาจับคู่ธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางและพลาสติก เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์โลหะ เส้นใย เครื่องแต่งกาย เคมีภัณฑ์ ยา และปิโตรเคมี
ทั้งนี้ นักลงทุนจาก จ.ไอจิ ได้เข้ามาลงทุนในไทยแล้วกว่า 284 บริษัท และได้ตั้งโรงงานไปแล้วกว่า 416 โรง ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ทางผู้ประกอบการญี่ปุ่นยังมีแผนที่จะเข้ามาขยายการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย โดยเฉพาะการผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ ยานยนต์แห่งอนาคต เกษตรแปรรูป เซรามิกระดับสูง และชิ้นส่วนอากาศยาน
"ผู้ประกอบการญี่ปุ่นยังคงมีแผนที่จะขยายกิจการในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าผู้ประกอบการ จ.ไอจิ ทั้ง 284 บริษัท ส่วนใหญ่จะขยายธุรกิจเพิ่มเติม และในจำนวนนี้มีผู้ประกอบการ 15% หรือกว่า 30 บริษัท สนใจลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการชาวไทย เชื่อมโยงไปสู่ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กของไทย ซึ่งจะได้ประโยชน์มากกว่าการลงทุนจากญี่ปุ่นฝ่ายเดียว" นายอาทิตย์ กล่าว
นายเซนตะ โมริโอกะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ผู้ประกอบการญี่ปุ่นสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย โดย จ.ไอจี มีขนาดจีดีพี ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งในขณะนี้ผู้ประกอบการญี่ปุ่นจำนวนมากสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในอาเซียน และได้วางเป้าหมายที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นอันดับแรก เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน จากนั้นก็จะใช้ไทยเป็นฐานกระจายการลงทุนในยังประเทศอื่นๆ
"ประเทศไทยมีการลงทุนและดำเนินกิจการที่ง่ายกว่าประเทศอื่นในอาเซียนค่อนข้างมาก และญี่ปุ่นได้เข้ามาลงทุนในไทยมานานแล้วจึงมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากนี้จะกระชับความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นๆของไทยให้แน่นแฟ้นขึ้น เพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศให้มากขึ้น" นายเซนตะ กล่าว