สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

การส่งออก เดือน พ.ย.ลดลง 7.42% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ในรอบปี
02/01/2016
ข่าวเศรษฐกิจ
ส่งออกอาการโคม่า เดือน พ.ย.ติดลบอีก 7.42% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ในรอบปีนี้ เผยสินค้าที่เกี่ยวเนื่องน้ำมันลงหนัก เกษตรก็แย่ ตลาดส่วนใหญ่ลดหมด คาดตัวเลขทั้งปีน่าจะติดลบ 5.5% ส่วนปีหน้า มั่นใจเป้า 5% ทำได้ แต่ยังห่วงราคาน้ำมันเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่


       
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน พ.ย. 2558 มีมูลค่า 17,166.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.42% ถือว่าดีขึ้น เพราะลดลงน้อยกว่าเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ติดลบถึง 8.11% แต่ก็ยังเป็นการส่งออกที่ติดลบมาต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ม.ค. 2558 หรือติดลบติดต่อกัน 11 เดือน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 16,868.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.53% โดยยังเกินดุลการค้า 298.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
       
ทั้งนี้ การส่งออกในช่วง 11 เดือนของปี 2558 (ม.ค.-พ.ย.) มีมูลค่า 197,275 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.51% การนำเข้ามีมูลค่า 187,041.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 11.16% โดยเกินดุลการค้ามูลค่า 10,233.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
           
“การส่งออกที่ลดลง ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยทำให้การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับตัวลดลงตามไปด้วย ซึ่งกลุ่มนี้มีสัดส่วนประมาณ 10% ของการส่งออก ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตร ราคายังคงตกต่ำตามราคาสินค้าเกษตรตลาดโลก สินค้าอุตสาหกรรมยังคงหดตัว และตลาดส่งออกส่วนใหญ่หดตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งล้วนแต่มีผลต่อการส่งออกของไทย”นายสมเกียรติกล่าว
       
สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรในเดือนพ.ย.2558 ที่ลดลง 7% มาจากการลดลงของสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ยางพารา ลดลง 12.7% ข้าว ลด 7.9% อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ลด 14.9% น้ำตาล ลด 32.5% แต่ผลไม้สด แช่แข็งและแห้ง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ไก่แปรรูป และเครื่องดื่ม ยังคงเพิ่มขึ้น 74.2%, 29.2%, 9.4% และ 8.4% ตามลำดับ
       
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม ลดลง 6.8% จากการลดลงของการส่งออกรถกระบะ 23.7% แม้รถยนต์นั่งจะขยายตัว 95.5% ทำให้กลุ่มรถยนต์และส่วนประกอบเพิ่มขึ้นเพียง 13.7% ขณะที่สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ลดลง 29.8%, 17.3% และ 18.7% ส่วนทองคำ เพิ่มขึ้น 33.4% ตามการส่งออกเพื่อเก็งกำไร
       
ขณะที่ตลาดส่งออก ส่วนใหญ่หดตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยตลาดหลัก สหรัฐฯ ลดลง 6.3% ญี่ปุ่น ลด 4.7% สหภาพยุโรป ลด 6.7% ตลาดศักยภาพสูง อาเซียน ลด 9.8% แต่กลุ่ม CLMV เพิ่มขึ้น 15.4% จากการเพิ่มขึ้นของการค้าชายแดน จีน ลด 6.1% อินเดีย ลด 2.9% ฮ่องกง ลด 6.7% เกาหลีใต้ ลด 1.1% และไต้หวัน ลด 16.6% ตลาดศักยภาพรอง ทวีปออสเตรเลีย ลด 6.8% แอฟริกา ลด 22.7% CIS รวมรัสเซีย ลด 33.4% แคนาดา ลด 12.1% แต่ตะวันออกกลาง เพิ่ม 8.3% ลาตินอเมริกา เพิ่ม 1.9%
       
นายสมเกียรติกล่าวว่า การส่งออกทั้งปี 2558 คาดว่าจะติดลบในระดับใกล้เคียงกับตัวเลข 11 เดือน ที่ติดลบ 5.5% ไม่น่าจะเลวร้ายไปกว่านี้ และไม่น่าจะติดลบถึง 7% ส่วนตัวเลขเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ติดลบ 3% เพราะก่อนหน้านี้ประเมินว่าราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปี แต่กลับไม่ขึ้นและยังมีแนวโน้มลดลงอีก ทำให้เป็นปัจจัยฉุดสำคัญในภาคการส่งออก เพราะสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันส่งออกได้ลดลง
       
ส่วนเป้าหมายการส่งออกปี 2559 ได้ตั้งไว้ว่าจะขยายตัวที่ 5% ซึ่งจะต้องพยายามทำได้ให้ เพราะขณะนี้ได้มีการประเมินการส่งออกของโลกว่าจะเติบโต 2.4% ซึ่งไทยน่าจะทำได้มากกว่า โดยมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าฟื้นตัว แต่ก็ต้องติดตามเรื่องราคาน้ำมัน หากลดลงต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ก็จะยิ่งกระทบต่อการส่งออกที่จะทำให้สินค้าที่เกี่ยวกับน้ำมันลดลงอีก และยังกระทบต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจของประเทศที่ส่งออกน้ำมัน และต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจโลกได้ 
ที่มาของข่าว: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.