สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นฯ พ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 3
27/12/2015
ข่าวเศรษฐกิจ


นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย ในเดือนพฤศจิกายน 2558 ว่า อยู่ที่ระดับ 85.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 84.7 ในเดือนตุลาคม ทั้งนี้ ค่าดัชนีฯ ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิตและผลประกอบการ ทั้งนี้การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีฯ ในเดือนพฤศจิกายน เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเห็นว่าการบริโภคภายในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องจักรกล และกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและยา ขณะเดียวกันราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลงต่อเนื่องส่งผลดีต่อต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการ ความเชื่อมั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ผู้ประกอบการมีการลงทุนในการปรับปรุงเครื่องจักรและเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการส่งออกยังคงมีความกังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า รวมทั้งปัญหาภัยแล้งซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของภาคเกษตร โดยผู้ประกอบการเห็นว่า ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคจะส่งผลดีต่อการขยายการค้าการลงทุนภายใต้ความผันผวนของสภาวะเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าค่าดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 104.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 103.4 ในเดือนตุลาคม  ซึ่งการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น เกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นจำแนกตามขนาดของของกิจการ ในเดือนพฤศจิกายน 2558 จากการสำรวจพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นฯของอุตสาหกรรมขนาดย่อม ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม  โดยอุตสาหกรรมขนาดย่อมที่ค่าดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ อุตสาหกรรมยา,อุตสาหกรรมสมุนไพร,อุตสาหกรรมเซรามิก เป็นต้น  ขณะที่อุตสาหกรรมขนาดกลางที่ค่าดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมหนังและผลิตภัณฑ์หนัง,อุตสาหกรรมหล่อโลหะ,อุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ เป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ค่าดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและทำความเย็น,อุตสากรรมผู้ผลิตไฟฟ้า,อุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เป็นต้น  

ขณะที่ผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นฯ รายภูมิภาค ประจำเดือนพฤศจิกายน 2558 จากการสำรวจพบว่าค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯของภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ปรับตัวลดลงจากเดือนตุลาคม ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจำแนกตามการส่งออก พบว่า กลุ่มที่เน้นตลาดในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ กลุ่มที่เน้นตลาดต่างประเทศ ปรับตัวลดลงจากเดือนตุลาคม
           
นายสุพันธ์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2558 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก ส่วนปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน สถานการณ์การเมืองในประเทศ ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอต่อภาครัฐในเดือนพฤศจิกายน คือ เร่งการเบิกจ่ายงบลงทุนในโครงการขนาดเล็ก ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ  เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนด้านการขนส่งสินค้า ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น และจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมและรองรับการเติบโตของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

นายกำพล ปัญญาโกเมศ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า กล่าวว่า "นิด้าโพล" ร่วมกับ ส.อ.ท. สำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการ หรือ ซีอีโอ เซอร์เวย์ ในภาคอุตสาหกรรมเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี 2559 ในมุมมองของผู้บริหาร พบว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ 43.94% ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยโดยรวมในปี 2559 เทียบกับปี 2558 จะทรงตัว รองลงมา 37.88% ระบุว่า ดีขึ้น และ 18.18% ระบุว่า แย่ลงด้านการคาดการณ์ของผู้บริหารระดับสูงต่อทิศทางแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมปี 2559 พบว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ 53.03% ระบุว่า ทิศทางแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมปี 2559 จะทรงตัว รองลงมา 27.27% ระบุว่า ดีขึ้น และ 19.70% ระบุว่า แย่ลง

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงต่อปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงมีความกังวลในการดำเนินกิจการในช่วงปี 2559 พบว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ 57.58% ระบุว่าเป็นกำลังซื้อภายในประเทศ รองลงมา 51.52% ระบุว่า เป็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน และ48.48% ระบุว่าเป็นหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และ 46.97% ระบุว่าเป็นสถานการณ์ภัยแล้ง

ด้านความต้องการของผู้บริหารระดับสูงต่อภาครัฐในการเร่งดำเนินการด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2559 พบว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ 71.21% ระบุว่า ควรมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องจากมาตรการระยะสั้น รองลงมา 59.09% ระบุว่า เป็นการเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และ 51.52% ระบุว่า เป็นการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ 46.97% ระบุว่าเป็นการเจรจาการค้าเสรีที่เป็นประโยชน์และเสริมความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก และ 42.42% ระบุว่าเป็นการพัฒนาการค้าและการขนส่งชายแดนและผ่านแดนเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าตามแนวชายแดน และ 36.36% ระบุว่าเป็นการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.