สสว. ชี้สถานการณ์เอสเอ็มอี มีสัญญาณฟื้นตัวดี จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ดึงความเชื่อมั่นทางธุรกิจกลับคืนมาได้ ส่งผลให้จีดีพีเอสเอ็มอีช่วง 10 เดือนเติบโต 4.9% สูงกว่าจีดีพีของประเทศ โดยคาดการณ์ของปีนี้น่าจะขยายตัวได้ถึง 4.7% สร้างเม็ดเงินให้ประเทศไม่ต่ำกว่า 4 ล้านล้านบาท พร้อมเร่งผลักดันโครงการประชารัฐ เพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าให้เอสเอ็มอี

นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ สสว. เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลได้ออกมามาตรการต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในปีนี้ปรับตัวดีขึ้น โดยในส่วนของภาคการค้าและบริหาร (ทีเอสเอสไอ) ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 102.4 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ 107.8 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของประเทศ (ทีไอเอสไอ) ได้ปรับตัวมาที่ระดับ 84.7 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างน่าจะปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 103.4 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของประเทศ(บีเอสไอ) ปรับตัวมาอยู่ที่ 100.4 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างขึ้นมาอยู่ที่ 106.6 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 53.6 แต่ในอีก 3 เดือนข้างหน้าคาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 81.3
ทั้งนี้ จากความเชื่อมั่นดังกล่าวถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ชี้ให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มมีการฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดี โดยพบว่า อัตราการเติบโตหรือจีพีพีของเอสเอ็มอีในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ขยายตัวอยู่ในระดับ 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าจีดีพีของประเทศอยู่ในระดับ 2.9% โดยได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวขยายตัว 20.3% การก่อสร้างขยายตัว 10.6% การขนส่งและโลจิสติกส์ขยายตัว 7.5% การบริการด้านสุขภาพขยายตัว 6.7% และค้าปลีกค้าส่งขยายตัว 6.3 %
ขณะเดียวกันก็มีในส่วนของเอสเอ็มอีที่ขยายตัวต่ำกว่าจีดีพีของประเทศ โดยหดตัวลดลงในอัตรา 0.5% เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน ผลิตเครื่องจักรกล อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอและเครื่องแต่งกาย อาหารและเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก เป็นต้น เมื่อพิจารณาการเติบโตจีดีพีของเอสเอ็มอีทั้ง 9 เดือนของปีนี้จะขยายตัวในระดับ 4.9% โดยมีมูลค่ารวม 4.08 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับจีดีพีเอสเอ็มอีในปี 2557 ขยายตัวเพียง 0.2% โดยส่งผลให้มูลค่าของเอสเอ็มอีต่อจีดีพีของประเทศเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 40.9% สูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 39.6%
ดังนั้น จากสถานการณ์ดังกล่าวทาง สสว. จึงได้คาดการณ์ว่าตัวเลขจีดีพีของเอสเอ็มอีของทั้งปีนี้ น่าจะขยายตัวในระดับ 3.7-4.7% เมื่อเทียบกับการขยายตัวจีพีดีของประเทศอยู่ในระดับ 2.7-3.2%
นางสาลินี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จากการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นนิติบุคคลมีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา อยู่ในระดับ 4.165 หมื่นราย แยกเป็นภาคบริการ 2.29 หมื่นราย ภาคการค้า 1.355 หมื่นราย ภาคผลิต 4.98 หมื่นราย และภาคเกษตร 211 ราย จากปี 2557 มีอยู่จำนวน 5.869 แสนราย จากเอสเอ็มอีที่มีทั้งหมดประมาณ 2.736 ล้านราย
สำหรับการขับเคลื่อนเอสเอ็มอีหลังจากนี้ ทาง สสว. อยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทพัฒนาเอสเอ็มอี 5 ปี ( 2560-2564) ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปีหน้า และจะนำมาใช้ในปีถัดไป โดยวางเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนมูลค่าของเอสเอ็มอีต่อจีดีพีของประเทศเพิ่มเป็น 45% จากที่ปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับ 41%
อย่างไรก็ตาม แผนงานที่ สสว. จะต้องเร่งผลักดันต่อจากนี้ไปให้แล้วเสร็จในปี 2559 จะเน้นในส่วนของการบ่มเพาะเอสเอ็มอีที่เริ่มกิจการใหม่ โดนร่วมกับภาคีต่างๆ ที่อยู่ภายใต้โครงการประชารัฐ เช่น การจัดหาสถานที่กระจายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ เช่น ในสถานีบริการน้ำมันของบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ที่มีสถานีบริการอยู่ทั่วประเทศกว่า 1.4 พันแห่ง โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าสถานที่วางจำหน่ายสินค้า รวมทั้งร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งดูแลวิสาหกิจชุมชน จะเข้าไปช่วยดูการยกระดับมาตรฐานสินค้า การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้จูงใจมากยิ่งขึ้น
อีกทั้ง สสว. จะทำหนาที่ในการจับคู่ทางธุรกิจ ให้กับเอสเอ็มอีได้เจอกับผู้ประกอบการต่างประเทศในการซื้อสินค้าไปจำหน่าย เพิ่มเป็นการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้า เห็นได้จากการร่วมคณะไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่น ของรัฐบาลเมื่อช่วงวันที่ 25-28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก็สามารถจับคู่ทางธุรกิจคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายได้ถึง 460 ล้านบาท และหลังจากนี้ไปคาดว่าจะมีมูลค่าตามมาอีก เป็นต้น รวมถึงการเร่งฟื้นฟูกิจการเอสเอ็มอีที่ประปบปัญหา และการพัฒนาเอสเอ็มอีที่เป็นปกติอยู่แล้วด้วย