เมื่อ 3 ธ.ค. นายฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เผยหลังเจรจาพูดคุยกับนายเหงียน เติ๋น สุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ว่า ทางสหภาพยุโรป (อียู) กับรัฐบาลเวียดนามลงนามข้อตกลงการค้าเสรี ซึ่งจะช่วยปลอดกำแพงภาษีสินค้ากว่า 99% ในช่วงระยะเวลาสูงสุด 7 ปี ทั้งนี้ อียูกับเวียดนามบรรลุข้อตกลงเชิงหลักการตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา คงเหลือแต่การปรับเปลี่ยนแก้ไขกฎหมายบางมาตรากระทั่งเสร็จสิ้นเรียบร้อย ซึ่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา การค้าขายระดับทวิภาคีเติบโตเพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็น 28,000 ล้านยูโร (1 ล้านล้านบาท)

นายยุงเกอร์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทางอียูมีเป้าหมายหลักที่จะร่วมเสรีทางการค้ากับ 10 ประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและรัฐบาลไทย อีกทั้งยังรวมถึงการเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่น ขณะที่นางเซซิเลีย มาล์มสตรอม คณะกรรมาธิการทางการค้าอียู มองว่าการลงนามครั้งนี้กับเวียดนามเป็นรูปแบบใหม่สำหรับนโยบายทางการค้ากับกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะถือเป็นครั้งแรกของอียูที่เริ่มร่วมการค้าเสรีกับประเทศที่กำลังพัฒนา โดยสินค้าส่งออกของเวียดนามไปยังอียูเป็นโทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า รองเท้า สิ่งทอ และพืชผลทางการเกษตร รวมกาแฟ ข้าวและอาหารทะเล ขณะที่สินค้าส่งออกของอียูไปยังเวียดนามเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยี ทั้งเครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องบิน ยานยนต์ และเวชภัณฑ์.