สศอ.เผยภาคการผลิตอุตสาหกรรม 10 ยังติดลบ 0.01% เหตุจากภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศยังชะลอตัว ต้องปรับเป้าเอ็มพีไอทั้งปีใหม่อย่างเก่งขยายตัวได้แค่ 0.5% จากเป้าเดิมที่ 3-4% ส่งผลต่อการขยายตัวจีดีพีภาคอุตสาหกรรมเหลือแค่ 0-1% ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ แต่ยังเชื่อภาวะเศรษฐกิจจะกลับมาดีในปีหน้า จากการลงทุนของเอกชนและภาครัฐ ดันจีดีพีอุตสาหกรรมโตที่ 2.5 %
นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศที่ชะลอตัวอยู่ ส่งผลให้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมยังไม่ดีมากนัก ทางสศอ.จึงได้ปรับตัวเลขประมาณการณ์อัตราการขยายตัวหรือจีดีของภาคภาคอุตสาหกรรมทั้งปีลดลงเหลือ 0-1% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากเมื่อต้นปี 2558 คาดการณ์ไว้ที่ 2-3% อีกทั้ง ได้ปรับประมาณการตัวเลขของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือเอ็มพีไอทั้งปีลดลง ซึ่งอาจจะติดลบ 0.5% หรือเป็นบวกแค่ 0.5% จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 3-4%
ทั้งนี้ การปรับเป้าหมายลดลงมาดังกล่าว เนื่องจากว่าภาพรวมของการใช้กำลังการผลิตยังอยู่ในภาวะทรงตัว หรือยอดคำสั่งซื้อในแต่ละเดือนไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าทางสศอ.จะปรับฐานการคำนวณตัวเลขเอ็มพีไอใหม่แล้วก็ตาม โดยเพิ่มอุตสาหกรรมเป็น 56 อุตสาหกรรม 227 ผลิตภัณฑ์ จากเดิม 53 อุตสาหกรรม 216 ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สะท้อนข้อมูลที่เป็นจริงมากที่สุดแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้ส่งผลให้การคำนวณเอ็มพีไอปรับตัวดีขึ้น
โดยจะเห็นได้จากเอ็มพีไอในรอบ 10 เดือนของปีนี้ยังติดลบ 0.01% ซึ่งในเดือนตุลาคมติดลบที่ 4.17% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันจากปีก่อน มีอัตราการใช้กำลังผลิตเพียง 59.91% เท่านั้น ต่อเนื่องจากเดือนกันยายนติดลบที่ 0.38% สะท้อนให้เห็นว่าการบริโภคในประเทศยังชะลอตัวอยู่ ขณะที่ยอดการส่งออกก็ปรับตัวลดลงถึง 3.4% จากผลกระทบเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้ายังคงชะลดตัว ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา และจีน ประกอบกับราคาสินค้าในตลาดโลกปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมัน รวมถึงผลกระทบจากการตัดสิทธิพิเศษศุลกากรหรือจีเอสพีของสหภาพยุโรป ซึ่งสอดคล้องกับประเทศต่างๆ ที่มียอดการส่งออกลดลงด้วย ยกเว้นเวียดนามที่มีการขยายตัวในระดับ 8.5%
นอกจากนี้ ยังเห็นได้ว่าการนำเข้าสินค้าทุน เช่น เครื่องจักร ที่เป็นเครื่องบ่งบอกถึงการเริ่มลงทุน ในช่วง 10 เดือนก็ปรับตัวลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ก็ปรับตัวลดลง 6.0% ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การนำเข้าวัตถุดิบมาผลิตสินค้าไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลจากยอดคำสั่งซื้อชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายศิริรุจ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้(พ.ย.-ธ.ค.) คาดว่าตัวเลขเอ็มพีไอ น่าจะปรับดีขึ้นมาเป็นบวกได้บ้าง เนื่องจากใกล้เข้าช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่อาจจะมียอดคำสั่งซื้อเข้ามา และต้องเร่งสต๊อกสินค้าไว้จำหน่ายในช่วงที่มีวันหยุดยาว
ขณะที่แนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจในปีหน้านั้น สศอ.มองว่า การบริโภคภายในประเทศน่าจะดีกว่าปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นการลงทุนของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการชักชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในซูเปอร์คลัสเตอร์ โครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ น่าจะช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าของประเทศดีขึ้น โดยสศอ.ได้ประเมินการเติบโตของเอ็มพีไอปีหน้าไว้ที่ 2-3% และจีพีพีของอุตสาหกรรมที่ 1.5-2.5%
สำหรับอุตสาหกรรมที่ฉุดตัวเลขเอ็มพีไอในเดือนตุลาคมปรับตัวลดลง มาจากอุตสาหกรรมสำคัญเช่น อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวลดลง 10.45% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวลดลง 13.41% เนื่องจากความต้องการคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กในตลาดโลกลดลง ประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว