พณ.เผยส่งออกเดือน มิ.ย.ติดลบ 7.87% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 จากปัจจัยภายนอก ศก.โลกชะลอตัว น้ำมันร่วง ขณะที่ครึ่งปีแรก หดตัว 4.84% ประเมินครึ่งปีหลังคำสั่งซื้อจะมีมากขึ้น จากบาทอ่อน พร้อมคงเป้าปีนี้โต 1.2%…
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 58 กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยรายงานภาวะส่งออกในเดือน มิ.ย.58 ยังหดตัวถึง 7.87% คิดเป็นมูลค่า 18,162 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่นำเข้าเดือน มิ.ย.ติดลบ 0.21% มูลค่า 18,012 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 58 ส่งออกติดลบ 4.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มูลค่า 106,856 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่นำเข้า ติดลบ 7.91% มูลค่า 103,383 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดุลการค้า 6 เดือนแรก เกินดุล 3,473 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ด้านนายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจัยที่มีผลกระทบให้การส่งออกของไทยหดตัวมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 58 มาจากปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ ซึ่งได้แก่
1. ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าหลักในปัจจุบันที่ชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน จึงทำให้การนำเข้าของเกือบทุกประเทศทั่วโลกยังคงหดตัว
2. ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงชะลอตัว โดยในเดือน มิ.ย.58 ลดลงถึง 42.8% ส่งผลกระทบต่อมูลค่าส่งออกสินค้าที่ต่อเนื่องกับน้ำมัน เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก
3. ราคาสินค้าเกษตรโลกปรับตัวลดลงมาก ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรลดลง โดยเฉพาะยางพารา และน้ำตาลทราย
4. การแข็งค่าของเงินบาทและการลดลงของค่าเงินในประเทศผู้ผลิตสำคัญ ส่งผลต่อราคาส่งออกสินค้าไทยและราคาสินค้าสำคัญในตลาดโลก โดยค่าเงินบาทนับแต่ต้นปี 58 มีทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับคู่ค้าคู่แข่ง เนื่องจากหลายประเทศใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลังได้ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรพื้นฐานที่จะมีความสามารถในการแข่งขันด้านราคามากขึ้น และ
5. การหดตัวของการส่งออกสินค้ากลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ซึ่งเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากอยู่ในช่วงการเปลี่ยนรุ่นรถกระบะ ขณะที่การส่งออกรถยนต์นั่งและส่วนประกอบรถยนต์ยังคงขยายตัว โดยคาดว่าการส่งออกสินค้ากลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบจะกลับมาขยายตัวได้ดีในช่วงไตรมาส 3-4 นี้
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า สถานการณ์การส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ที่ปริมาณคำสั่งซื้อจะเข้ามามากขึ้น ประกอบกับการกลับเข้าสู่ภาวะปกติของการส่งออกยานยนต์ที่มีสัดส่วนในมูลค่าการส่งออกสูงถึง 11% และแนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่า จะช่วยให้มูลค่าการส่งออกของไทยกลับมาฟื้นตัวเป็นบวกได้ในช่วงไตรมาส 4/58 เป็นต้นไป
“การส่งออกของไทยในเดือน มิ.ย.นี้ยังคงลดลง เนื่องจากการส่งออกยานยนต์และส่วนประกอบหดตัวสูงจากการเปลี่ยนรุ่นรถกระบะ ซึ่งเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น เชื่อว่าสถานการณ์ยานยนต์จะเริ่มฟื้นตัวในเดือน ส.ค. ซึ่งจะเป็นตัวดึงสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น และจะทำให้ตัวเลขรวมของการส่งออกน่าจะเป็นบวกได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้”
พร้อมระบุว่า ในขณะนี้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ยังคงเป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ไว้ที่การเติบโต 1.2% ซึ่งการจะปรับเป้าหมายการส่งออกนั้นต้องขึ้นอยู่กับระดับนโยบายเป็นสำคัญ.