รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของภาคเอกชนญี่ปุ่นในเดือนเม.ย. ปรับตัวขึ้น 3.8% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 9.025 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.2551
ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักร ซึ่งไม่นับรวมเครื่องจักรสำหรับเรือและด้านสาธารณูปโภคที่มีความผันผวนนั้น ถือเป็นปัจจัยบ่งชี้การใช้จ่ายด้านทุนในอนาคตของบริษัทเอกชน
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรจากภาคการผลิต ขยายตัว 10.5% สู่ระดับ 4.02 แสนล้านเยน แต่ยอดสั่งซื้อจากอุตสาหกรรมนอกภาคการผลิต ขยับลง 0.6% แตะที่ 4.949 แสนล้านเยน
หากพิจารณาเป็นรายอุตสาหกรรมพบว่า คำสั่งซื้อจากภาคเครื่องจักรไฟฟ้าและอุตสาหกรรมรถยนต์ ตลอดจนภาคอุตสาหกรรมเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง เป็นปัจจัยหนุนการขยายตัวของยอดสั่งซื้อในเดือนเม.ย. ขณะที่คำสั่งซื้อจากภาคพลังงานไฟฟ้าและภาคการสื่อสาร ปรับตัวลงหลังมียอดสั่งซื้อจำนวนมากในเดือนก่อนหน้า
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ความต้องการเครื่องจักรญี่ปุ่นในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นดัชนีวัดการส่งออกในอนาคตนั้น ลดลง 7% ในเดือนเม.ย. แตะที่ 8.583 แสนล้านเยน
หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งช่วยหนุนมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น 77.25 จุด หรือ +0.38% แตะที่ 20,173.55 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวได้รับแรงหนุนหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของภาคเอกชนญี่ปุ่นในเดือนเม.ย. ปรับตัวขึ้น 3.8% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 9.025 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2551
ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักร ซึ่งไม่นับรวมเครื่องจักรสำหรับเรือและด้านสาธารณูปโภคที่มีความผันผวนนั้น ถือเป็นปัจจัยบ่งชี้การใช้จ่ายด้านทุนในอนาคตของบริษัทเอกชน
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรที่แข็งแกร่งเกินคาดได้หนุนหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเครื่องจักรดีดตัวขึ้น โดยหุ้นโตชิบา แมชีน พุ่งขึ้น 4.4% และหุ้นโอเคเค ดีดขึ้น 2.8%
-- อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--