
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลก ยังไม่ดีขึ้นส่งผลให้ตลาดส่งออกหลัก ยังประสบปัญหาการแข่งขัน โดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรป(อียู) ที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมากตั้งแต่ปลายปี 57 ถึงต้นปีนี้อ่อนค่าถึง 20% เมื่อเทียบกับค่าเงินบาท แม้ขณะนี้ดีขึ้นมาเหลือ 10-15%แต่ยังไม่สามารถจะรับคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์) ใหม่ได้ เนื่องจากยังขาดทุนจากค่าเงินบาทส่งผลกระทบต่อการส่งออกไปยังตลาดอียู ยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจากปัจจุบันติดลบ 3-4%
“ตอนนี้ค่าเงินยูโรมีปัญหาหนักที่สุดตั้งแต่ปลายปี 57 ถึงต้นปีนี้อ่อนค่าถึง 20% แม้ว่า ตอนนี้จะดีขึ้นมามีส่วนต่าง 10-15% แต่ก็ยังไม่สามารถจะรับออร์เดอร์ใหม่ได้เพราะขาดทุน แม้จะขายเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ และที่ผ่านมาอียูหันไปซื้อสินค้าราคาถูกจากประเทศอื่นๆแทนเมื่อสอบถามไปยังผู้ผลิตที่ส่งออกไปตลาดอียูทุกสินค้าลดลงหมดยกเว้นตลาดรถยนต์เท่านั้นที่โตต่อ เพราะมีการส่งออกรถยนต์อีโคคาร์ ซึ่งต้องติดตามหากรถยนต์มีปัญหาตลาดนี้จะหดตัวอย่างรุนแรงขณะที่แนวโน้มการส่งออกตลอดปี58 ยังขยายตัวไม่เกิน0% เนื่องจากไตรมาสแรกติดลบ 4.69%"
ส่วนกรณีที่รัฐบาลได้หนุนมาตรการที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงนี้ทั้งกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีก0.25% เป็นรอบที่ 2ในปีนี้ และมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่ผ่อนคลายมาตรการเงินทุนเคลื่อนย้ายเช่น การเปิดให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อและกู้เงินตราต่างประเทศได้มากขึ้นแต่หากดูในรายละเอียดพบว่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งขันทางการค้าที่ผ่านมาค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้น 5% เมื่ออ่อนค่าลงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีจากเดิมซึ่งหากอ่อนค่าในระดับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะมีส่วนผลักดันการส่งออกได้มากกว่านี้
"ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงตอนนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้ศักยภาพการแข่งขันของไทยเพิ่มขึ้นมาบ้างจากเดิมแข็งค่า5% ค่าเงินบาทที่อ่อนช่วงนี้เฉลี่ยน่าจะอ่อนลงมาราว1% ก็ทำให้อัตราการแข็งค่าของเงินบาทลดลงไปบ้างแต่ก็ไม่มากนัก แต่ทั้งนี้ทิศทางคงดูแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาถ้ามีการฟื้นตัวเร็วค่าเงินบาทเราก็น่าจะอ่อนค่าด้วย"