"ดานิลี่"
ขยายไลน์เหล็กไปยังกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน
เครนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง หวังรักษารายได้ไม่ให้ตก หลังเศรษฐกิจชะลอ
คาดปี" 58 รายได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมเผย 2
บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติเจ้าเก่า "พอสโก้" จากเกาหลี และ "นิปปอน สตีล"
จากญี่ปุ่น สนใจลงทุนโรงถลุงเหล็กในไทย ด้าน "จักรมณฑ์"
บินดูโรงงานพอสโก้ที่เกาหลี 24 เม.ย.นี้
ดร.บุญนาค โมกข์มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท ดานิลี่ จำกัด โรงงานผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมผลิตเหล็กรายใหญ่ เปิดเผยว่า
ปีนี้บริษัทมีนโยบายที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
โรงกลั่นน้ำมันเครนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงเครนสำหรับท่าเรือ
เพื่อรักษารายได้ของธุรกิจไว้ไม่ให้ตกไปตามภาวะเศรษฐกิจ โดยใช้ความชำนาญเรื่องวิศวกรรมที่มี ทั้งนี้
ผลการดำเนินงานปีที่ผ่าน ๆ มา บริษัทมีรายได้เฉลี่ยปีละประมาณ 20,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 10%
คาดว่าปี 2558 จะยังคงเติบโตด้วยตัวเลข 2
หลัก
"สภาวะเช่นนี้การหยุดอยู่กับที่หรือเน้นทำธุรกิจเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถสร้างรายได้
ดังนั้น บริษัทจึงมีนโยบายที่จะขยายตลาดรูปแบบหน่วยธุรกิจ ฉีกออกจากกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก
เพื่อต้องการเพิ่มสายการผลิตในด้านการผลิตอุปกรณ์เครื่องจักร
ที่ทนอุณหภูมิและแรงดันสูงสำหรับงานอุตสาหกรรมผลิตเหล็ก อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
แล้วปีนี้เรายังลงทุนเพิ่มในธุรกิจการซ่อมมอเตอร์ และหม้อไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมหนัก
โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกสถานที่ตั้งโรงงาน"
ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าจำนวนมาก
หากรวมกำลังการผลิตเหล็กที่เป็นของบริษัทลูกค้าทั้งหมด มีประมาณ 1 แสนตันต่อปี
โดยบริษัททำหน้าที่ตั้งแต่ออกแบบโรงงานเครื่องจักร และเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าด้วย นอกจากนี้
บริษัทได้ขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้รับงานสร้างโรงงานเหล็กครบวงจรให้กับเมียนมาร์
เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซียแล้ว
ดร.บุญนาคกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรม
มีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเกิดอุตสาหกรรมต้นน้ำโรงถลุงเหล็กว่า
โครงการดังกล่าวยังคงมีความเป็นไปได้สูงที่นักลงทุนรายเดิมอย่างบริษัทนิปปอน สตีล จากญี่ปุ่น
และบริษัทพอสโก้ จากเกาหลี ยังมีความสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย
หลังจากที่โครงการนี้ได้ชะลอไปนานหลายปี โดยเชื่อว่าพื้นที่บริเวณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์
มีความเหมาะสม
การสร้างโรงถลุงเหล็กในไทย
มีเอกชนบางรายหวั่นว่าจะเป็นการผูกขาดให้ซื้อเหล็กในประเทศที่มีราคาแพง
แต่บริษัทดานิลี่เห็นว่าควรมองผลประโยชน์รวมของประเทศมากกว่า เพราะหากดูการบริโภคเหล็กในประเทศ 18
ล้านตันต่อปี และยิ่งมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ การก่อสร้างเส้นทางคมนาคม
หากไทยต้องซื้อเหล็กจากประเทศอื่นตลอดเหมือนยืมจมูกคนอื่นหายใจ ถ้าวันใดประเทศนั้นหยุดขายจะเกิดผลกระทบ
ความหวังอุตสาหกรรมเหล็กของไทยตอนนี้ คือ รัฐบาลต้องชัดเจนกล้าตัดสินใจลงทุน
เช่นเดียวกับเมียนมาร์และเวียดนาม ที่รัฐบาลฟันธงให้สร้างโรงถลุงเหล็กใช้เวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น
"หากมีโรงถลุงเหล็กควรนำเข้าวัตถุดิบจากบราซิลหรือออสเตรเลีย เพราะทั้ง 2
ประเทศนี้ส่งวัตถุดิบให้ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน โครงการนี้ควรเกิดในรัฐบาลนี้ภายใน 4-5
ปีหากไม่เกิดขึ้นได้เชื่อว่าคงไม่มีรัฐบาลชุดไหนทำได้ เพราะรัฐบาลอ่อนไหวเรื่องการคัดค้านจากกลุ่มมวลชน
หรือ NGO ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ"
ดร.บุญนาคกล่าวว่าในวันที่ 24 เม.ย.นี้นายจักรมณฑ์
ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะเดินทางดูงานของบริษัทพอสโก้ ที่เกาหลี
ซึ่งเป็นโรงงานถลุงเหล็กอันดับ 4 ของโลก
คาดว่าจะเป็นการศึกษาโมเดลนำมาเป็นต้นแบบโรงถลุงเหล็กที่จะเกิดขึ้นในไทย