"พล.อ.ประยุทธ์
" ร่วมพิธีเปิด การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 26 ชู
ปชช.คือหัวใจของประชาคมอาเซียน หนุนพัฒนาศก.ตามแนวคิด “หนึ่งบวกหนึ่ง”
พลเอก ประยุทธ์
จันทร์โอชา และภริยา ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 26 ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ณ ห้อง Plenary
Hall ชั้น 1 อาคาร Kuala Lumpur Convention Centre
(KLCC) ณ
กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานการประชุมสุดยอดอาเซียนได้กล่าวเปิดการ
ประชุม พร้อมการแสดงทางวัฒนธรรม และการเปิดตัวโครงการสถานีโทรทัศน์ “GOASEAN”
จากนั้น
พลเอกประยุทธ์ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 26 แบบเต็มคณะ (plenary) พร้อมกับผู้นำอาเซียน 9 ชาติ และนาย เล เลือง มิญ (H.E. Le Luong
Minh) เลขาธิการอาเซียน
โดยมีวาระการประชุมเกี่ยวกับ การจัดตั้งประชาคมอาเซียน
วิสัยทัศน์ของประชาคมอาเซียนภายหลังปี 2015 และทิศทางในอนาคต โดยภายหลังการประชุม ร้อยเอก ยงยุทธ
มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญว่าในที่ประชุม พลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ให้การต้อนรับอยางอบอุ่น
และถือโอกาสแสดงความเสียใจอีกครั้งต่อการจากไปของนายลี กวน ยู
บิดาผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์
รวมทั้งแสดงความเสียใจที่ได้ทราบข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเนปาล
และขอแสดงความเสียใจต่อรัฐบาลและประชาชนชาวเนปาลสำหรับความสูญเสียและความ
เสียหายที่เกิดขึ้น โดยในปีนี้
ไทยขอให้ความมั่นใจว่าพร้อมจะให้ความร่วมมือต่อการรวมตัวเปนประชาคมเดียวกันในปีนี้
นายกรัฐมนตรี
กล่าวว่า วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ภายหลังปี 2558 สำหรับประเทศไทย ประชาชนคือศูนย์กลางของประชาคมอาเซียน
ดังนั้น วิสัยทัศน์ของอาเซียนจะต้องมุ่งสร้างประชาคมที่ประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์
อย่างเต็มที่และมีความสุข
เราต้องยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกกระทบจากภัยคุกคามต่างๆและคุ้มครองกลุ่มที่เปราะบาง
ด้อยโอกาสได้เข้าถึงทรัพยากรอย่างเท่าเทียม
นอกจากนี้
ต้องส่งเสริมเกษตรกร ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจสำหรับหลายประเทศ
แต่กลับไม่มีรายได้ที่เพียงพอในการดำรงชีพและได้รับค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม
ในขณะเดียวกัน ต้องวางรากฐานให้ประชาคมตั้งอยู่บนหลักของกฎกติกา มีธรรมาภิบาล
และสามารถเป็นหุ้นส่วนซึ่งกันและกัน ด้วยการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในอาเซียน
เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยมีส่วนร่วมของทุกประเทศ
สำหรับการสร้างประชาคมอาเซียน
ในการสร้างประชาคมอาเซียน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า
เพื่อให้ไปสู่วิสัยทัศน์ที่มีร่วมกัน ต้องเร่งดำเนินการให้ประชาคมอาเซียนรวมตัวอย่างลึกซึ้งและเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว
โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังในการนี้
เราจำเป็นต้องส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงในทุกมิติ
ทั้งความเชื่อมโยงในภูมิภาคและความเชื่อมโยงกับภายนอกภูมิภาค
เพื่อส่งเสริมการพัฒนา สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคซึ่งจะช่วยลดความยากจน
ความเหลื่อมล้ำและช่องว่างด้านการพัฒนา
ไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเชื่อมโยง
การพัฒนาเครือข่ายการผลิตและห่วงโซ่อุปทานของอาเซียน ผ่านโครงการที่เป็นรูปธรรม
อาทิ การขยายเส้นทางคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้
ซึ่งประกอบด้วยเส้นทางทั้งถนนและรถไฟความร่วมมือกับ
สปป.ลาวเพื่อก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 และ 6 การสร้างเส้นทางรถไฟจากอรัญประเทศไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา
และการให้ความช่วยเหลือก่อสร้างสะพานรถไฟเพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟใน
กัมพูชาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสิงคโปร์-คุนหมิง
ไทยกำลังผลักดันให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นรูปธรรมภายในปีนี้
โดยเน้นการพัฒนาพื้นที่ตามแนวชายแดนและระเบียงเศรษฐกิจของอนุภูมิภาค
เพื่อเชื่อมโยงฐานการผลิตกับประเทศเพื่อนบ้าน สร้างงานและดึงดูดการลงทุนภายในภูมิภาค
นอกจากนี้
ไทยสนับสนุนการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันตามแนวคิด “หนึ่งบวกหนึ่ง” บนพื้นฐานที่ว่าประเทศอาเซียนแต่ละประเทศมีจุดขายที่จะช่วยเสริมกันและกันได้
โดยมุ่งดึงดูดการลงทุนเข้าอาเซียน ขยายฐานการผลิตในภูมิภาค และช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจในอาเซียน
หากอาเซียนมุ่งมั่นจริงจังเกี่ยวกับการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรีเห็นว่าต้องเร่งรัดขจัดมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีที่ยังคงกีดกันการค้าระหว่างเรารวมทั้งส่งเสริมการรวมตัวกันเพื่อความมั่งคั่งของอาเซียนโดยรวม
นอกจากนั้น
ควรส่งเสริมการจัดตั้งระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว
เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs
(วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม)
และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ในขณะเดียวกัน
การรวมตัวและความเชื่อมโยงที่เพิ่มขึ้นย่อมมีผลข้างเคียงเชิงลบตามมาด้วย เราจึงต้องเตรียมรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้อย่างจริงจัง
โดยประสานงานกันอย่างใกล้ชิด แผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคและอนุสัญญาอาเซียน
ว่าด้วยการค้ามนุษย์ก็เป็นอีกตัวอย่างของความร่วมมือ ซึ่งไทยหวังว่า
ผู้นำอาเซียนจะสามารถรับรองได้ในปลายปีนี้เพื่อให้บังคับใช้ได้ต่อไป
อาเซียนควรจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือในเรื่องการบริหารจัดการชายแดนอย่างเป็นระบบ
โดยมีการแลกเปลี่ยนข่าวกรองและเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างกัน
โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า
น่าจะมอบหมายให้ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติพิจารณาศึกษา
เรื่องนี้เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมต่อไป
นอกจากนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประชากรส่วนใหญ่ในอาเซียนประกอบอาชีพเกษตรกรรม
แต่ความเป็นอยู่ของเขามักจะผกผันไปตามราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก
อาเซียนจึงควรพิจารณาว่าจะร่วมมือกันอย่างไร
เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการเกษตร
ไม่ให้เกษตรกรผู้ผลิตออกไปจากวงจรการเกษตรในอนาคต เนื่องจากรายได้น้อย ขาดทุน
เหน็ดเหนื่อย คุณภาพชีวิตไม่ดีขึ้น และไม่มีอนาคต ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อภาคการผลิต
อาเซียนควรพิจารณาความเป็นไปได้ที่อาเซียนจะร่วมมือกันเพื่อเป็นคลัง
อาหาร (food
bank) ของโลก แนวทางหนึ่งที่ประเทศในภูมิภาคอาจพิจารณา
คือ การสร้างพันธมิตรรายสินค้า
ซึ่งไทยพร้อมจะหารือกับประเทศส่งออกที่สำคัญในอาเซียนเพื่อสร้างพันธมิตรแทน
ที่จะเป็นคู่แข่งกัน อาเซียนควรเสริมสร้างแนวปฏิบัติที่ดีด้านการเกษตรเพื่อ
เข้าสู่ตลาดโลกได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยกระดับและทำให้มาตรฐานต่าง ๆ สอดคล้องกัน
เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตร
อาจสร้างความร่วมมือด้านเกษตรสมัยใหม่ และควรสร้างตราสินค้าอาเซียน
โดยเฉพาะในภาคเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น
ในอนาคตอาเซียนคงต้องส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่หันมาทำการเกษตรมากขึ้น
โดยสนับสนุนเขาในการพัฒนาขีดความสามารถ โดยเฉพาะในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
เพิ่มรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภาคการเกษตรจะได้เป็นเสาสำคัญของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป
การ
บริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและการเร่งฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อม โทรม
เพื่อช่วยสร้างน้ำต้นทุน นอกจากจะช่วยส่งเสริมภาคการเกษตรแล้ว
ยังช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงน้ำที่สะอาดได้เพิ่มขึ้น
อาเซียนจึงควรตั้งเป้าหมายให้ทุกหมู่บ้านและชุมชนในอาเซียนสามารถเข้าถึงน้ำ
ที่สะอาดได้ภายในปี 2568 ประชาชนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีได้ก็ต้องมีสภาพแวดล้อมที่ดีและยั่งยืน
แต่ปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นอุปสรรคสำคัญในด้านนี้ อาเซียนควรมีเป้าหมาย
ระยะยาวที่จะให้ภูมิภาคปลอดจากหมอกควัน (haze-free ASEAN) โดยร่วมมือกันปฏิบัติตามข้อตกลงอาเซียน เรื่อง
มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ส่งเสริมความตระหนักรู้เรื่องปัญหาหมอกควัน อาทิ
การแลกเปลี่ยนข้อมูลในระดับภูมิภาค
และเสริมสร้างเครือข่ายระหว่างสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในภูมิภาค เป็นต้น
และควรมีหน่วยงานร่วมในการบริหารจัดการร่วมกันในทุกประเทศ
หากประชาคมอาเซียนจะมีบทบาทอันเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกในอีกสิบปีข้าง
หน้า ก็ควรสามารถดำเนินการร่วมกันในการรักษาความสงบและส่งเสริมสันติภาพ
ประเทศไทยจึงขอเสนอแนวความคิด ดังนี้
หนึ่งเราควรพยายามหาวิธีส่งเสริมการประสานงานระหว่างกันในเรื่องการรักษาสันติภาพในกรอบสหประชาชาติ
เพื่อที่อาเซียนจะได้มีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น สองเราควรกระชับความร่วมมือระหว่างพลเรือนและทหารในการให้ความช่วยเหลือด้าน
มนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) เพื่อให้อาเซียนสามารถรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที
และสามเราควรจัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน หรือ ACMM ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดอย่างเป็นทางการได้ในช่วงปลายปีนี้
ประชาคมอาเซียนต้องเตรียมรับมือกับประเด็นท้าทายใหม่ ๆ ในอีกสิบปีข้างหน้า
ด้วยเหตุนี้ จึงควรส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและการพัฒนา
การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยในตอนท้าย
นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความสำคัญที่ไทยให้กับการสร้างประชาคมอาเซียนที่ ประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรม