สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

‘จักรมณฑ์’ดันลงทุน1ล้านล.:ปลื้มผลงาน6เดือนให้คะแนนข้าราชการ 9 เต็ม 10
25/04/2015
ข่าวเศรษฐกิจ
https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/v/t1.0-9/10985241_798233153606036_4208903161323415433_n.jpg?oh=a8aef293b1309ffd218e9e51c0dcfadf&oe=559ACC57&__gda__=1436049725_c92166d4765bf2cb8fbb1d77c83ddedd

"จักรมณฑ์"เข็นการลงทุนผ่านกระทรวงอุตสาหกรรมทั้งปีกว่า 1 ล้านล้านบาท ชี้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้น นักลงทุนมั่นใจขั้นตอนอนุมัติใบรง.4 ฉลุย ปลื้มผลงาน 6 เดือน มีเม็ดเงินลงทุนตั้งโรงงานใหม่และขยายกิจการ 2.289 แสนล้านบาท จี้แก้นำกากอุตสาหกรรมเข้าระบบ 1.2 ล้านตันภายในก.ย.นี้ พร้อมเร่งจัดตั้งศูนย์ทดสอบยางล้อฯแห่งแรกในอาเซียน หวังกระตุ้นการใช้ยางพารา

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณเริ่มฟื้นตัว ประกอบความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่มีต่อการขอใบอนุญาตต่างๆ ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการลดขั้นตอนลงมาทำให้มีความรวดเร็วมากยิ่ง ขึ้นนั้น  คาดว่าจะส่งผลให้เกิดการลงทุนที่ผ่านหน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ดูแล อยู่ของปีนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท โดนจะมาจากการขอตั้งประกอบกิจการใหม่และขยายกิจการไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท และจะมาจากการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ที่ดูแลโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)ไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท โดยยังไม่รวมมูลค่าการลงทุนที่เกิดจากการให้ประทานบัตรในการทำเหมืองแร่ที่ อยู่ระหว่างการอนุมัติอีกเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ นับจากที่ตัวเองได้เข้ามาบริหารงานกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 จนถึงเดือนมีนาคม 2558 หรือเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน มีความพอใจกับผลงานที่ดำเนินการมา โดยเฉพาะการได้รับความร่วมมือจากบรรดาข้าราชการในสังกัดกระทรวง ที่ได้ทำงานสอดรับกับนโยบายที่ให้ไป หากประเมินการทำงานของข้าราชการก็คงต้องให้อยู่ในระดับ 9 คะแนนจากเต็ม 10 คะแนน

โดยจะเห็นได้จากการปรับปรุงลดขั้นตอนและระยะเวลาการพิจารณาอนุญาต เช่น การขอใบอนุญาตการประกอบกิจการและขยายกิจการ(รง.4) จากเดิมที่ใช้เวลา 90 วัน ลดลงเหลือ 30 วัน ( 12 ก.ย.57- 12 มี.ค. 58) มีใบอนุญาตที่อนุมัติไปจำนวน 2,528 ราย เกิดการลงทุน 2.289 แสนล้านบาท เกิดการจ้างงาน 9.29 หมื่นราย และจากการสำรวจข้อมูลล่าสุดพบว่ามีผู้ประกอบการได้แจ้งเริ่มประกอบการและ ขยายกิจการแล้ว 1,840 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 1.861 แสนล้านบาท เกิดการจ้างงาน 6.93 หมื่นคน

 

ส่วนการดำเนินงานของกนอ.ที่ผ่านมาได้ดำเนินการพิจารณาอนุญาตตั้งโรงงานใน นิคมอุตสาหกรรมไปแล้ว โดยเป็นการแจ้งประกอบกิจการใหม่ 215 คำขอ เงินลงทุน 2.199 แสนล้านบาท เกิดการจ้างงาน 3.22 หมื่นคน แจ้งขยายโรงงาน 65 คำขอ เงินลงทุน 7.86 หมื่นล้านบาท เกิดการจ้างงาน 3.923 พันราย

ขณะที่การขออนุญาตประทานบัตรและอาชญาบัตรสำหรับผู้ประกอบการเหมืองแร่ ที่ลดขั้นตอนการพิจารณาจาก 97 วัน ลดลงมาเหลือ 45 วัน มีการออกใบอนุญาตประทานบัตรและต่ออายุประทานบัตร อาชญาบัตร อาชญาบัตรพิเศษ และโอนประทานบัตรแล้วจำนวน 188 แปลง คิดเป็นมูลค่าแร่ 2.385 แสนล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุน 4.364 หมื่นล้านบาท และเกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง 4.67 แสนล้านบาท โดยล่าสุดได้มีการอนุญาตประทานบัตรการทำเหมืองแร่โปแตชให้กับบริษัท โปแตชอาเซียน จำกัด(มหาชน) ไปแล้ว ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนในระยะอันใกล้นี้ประมาณ 4 หมื่นบ้านบาท มีมูลค่าแร่สูงถึง 2.12 แสนล้านบาท คิดเป็นการประหยัดการนำเข้าได้ถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปี และภาครัฐได้ประโยชน์ตอบแทน 3.7 พันล้านบาทต่อปี และยังได้ออกใบประทานบัตรการทำเหมืองแร่ควอตซ์ ให้แก่ บริษัท กรีนไมนิ่ง อินดัสตรี้ จำกัด จำนวน 1 แปลง เกิดการลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อให้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์

นอกจากนี้ ยังลดขั้นตอนการพิจารณาออกใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.) จากเดิม 46 วันเหลือเพียง 26 วัน ทำให้มีการออกใบอนุญาตไปแล้ว 2,873 ฉบับ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค และยังได้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี ที่ไม่อนุญาตให้มีการตั้งโรงงานน้ำตาลเพิ่ม ซึ่งจะช่วยให้การตั้งโรงงานหรือขยายโรงงานน้ำตาลมีความคล่องตัวมากขึ้น และเกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวได้

นายจักรมณฑ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการแก้ปัญหากากอุตสาหกรรมนั้น ได้นำกากอันตรายเข้าสู่ระบบ 4.47 แสนตัน พร้อมได้จัดวางยุทธศาสตร์การจัดการกากอุตสาหกรรมในระยะ 5 ปี(2558-2562) โดยกำหนดให้โรงงานจำพวกที่ 3 ประมาณ 6.8 หมื่นราย เข้าสู่ระบบไม่น้อยกว่า 90 % และเพิ่มบทลงโทษผู้ลักลอบทิ้งกาก จากเดิมปรับไม่เกิน 2 แสนบาท อายุความ 1 ปี ไม่มีโทษคำคุก เพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 2 แสนบาท และมีอายุความ 10 ปีโดยตั้งเป้าว่า จะเพิ่มปริมาณกากอุตสาหกรรมเข้าระบบให้ได้ 1.2 ล้านตัน ภายในเดือนกันยายน 2558 นี้

ส่วนการดำเนินงานหลังจากนี้ จะเร่งจัดตั้งศูนย์ทดสอบยางล้อและสนามทดสอบ ณ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา แห่งแรกในอาเซียน บนพื้นที่ 900 ไร่ ระยะแรกจะใช้งบประมาณ 2.85 พันล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้ยางพาราเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 แสนตันต่อปี รวมทั้ง การผลักดันการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน  5 แห่ง ที่ต้องใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท  และการปรับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรองรับมาตรฐานอาเซียน เป็นต้น จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,046  วันที่  23 - 25  เมษายน  พ.ศ. 2558

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.