
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
(กสอ.) รุกพัฒนาอุตสาหกรรมชายแดนใต้ในเขตพื้นที่ 5 จังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูลและสงขลา ดัน 3
อุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้างโอกาสผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
และอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
ผ่านการดำเนินโครงการคุณภาพที่หลากหลายเพื่อพัฒนาให้ผู้ประกอบการสามารถใช้
โอกาสในการขยายธุรกิจและลงทุน
เชื่อมโยงการค้าร่วมกับสมาชิกในอาเซียนผ่านแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายอาทิตย์
วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)
เดินหน้าส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างต่อ เนื่อง
เนื่องจากชายแดนใต้เป็นพื้นที่
ที่มีระบบการผลิตครบวงจรตั้งแต่เกษตรขั้นต้น วัตถุดิบขั้นกลาง
และการแปรรูปเพิ่มมูลค่าโดยอุตสาหกรรมการผลิตที่โดดเด่นและเป็นเป้าหมายใน
การส่งเสริมและพัฒนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ได้แก่
อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางพาราสูงสุดอันดับต้นๆของประเทศ อาทิ
ยางรถยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถจักรยาน ถุงมือยาง และถุงยางอนามัย เป็นต้น
มีมูลค่าการส่งออกรวมแล้วประมาณ 1.05 แสนล้านบาท (ที่มาข้อมูล
:กองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ,
พฤศจิกายน 2557)
นอกจากนี้
อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองไม่ว่าจะเป็น
อาหารแปรรูป อาหารทะเลและอาหารฮาลาล
โดยจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดปัตตานีมีศักยภาพอย่างมากในการผลิต และแปรรูปอาหาร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลและที่น่าจับตามองอีกหนึ่ง อุตสาหกรรม คือ
อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมที่มีการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์
ให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคชาวมุสลิมในมาเลเซียและอินโดนีเซีย
ซึ่งในอนาคตเชื่อมั่นว่าจะสามารถต่อยอดไปยังมุสลิมประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกได้
ซึ่งผู้ประกอบการสามารถมองหาโอกาสทางธุรกิจจากอุตสาหกรรมดาวเด่นดังที่กล่าวมาได้
นายอาทิตย์
กล่าวเพิ่มเติมว่า
สำหรับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ดำเนินโครงการที่หลากหลายเพื่อพัฒนาให้ผู้ประกอบการสามารถใช้โอกาสในการขยายธุรกิจและการลงทุน
เชื่อมโยงการค้าร่วมกับสมาชิกในอาเซียน
ผ่านแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้งบประมาณกว่า 28 ล้านบาทผ่านโครงการคุณภาพหลายโครงการซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถส่งเสริมผู้
ประกอบการในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน อาทิ โครงการกลยุทธ์การค้าชายแดน
โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่(NEC)โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม ยางและไม้ยางพารา
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง โครงการ Hand in Hand ฯลฯโดยคาดว่าคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้สูงขึ้น
และประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25
ทั้งนี้
ศักยภาพทางเศรษฐกิจของชายแดนใต้เติบโตอย่างต่อเนื่องมีมูลค่าการค้าชายแดน
สูงสุดในประเทศมีมูลค่าประมาณ 5 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 51.9
ของมูลค่าการค้าชายแดนรวม โดยเฉพาะด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์
ที่มูลค่าการค้าสูงเป็นอันดับ 1 และ 2 ของประเทศ ประมาณ 3.225 แสนล้านบาท และ
1.39แสนล้านบาท (ที่มาข้อมูล : กองความร่วมมือการค้าและการลงทุน
กรมการค้าต่างประเทศ,พฤศจิกายน 2557) ทั้งนี้
แม้จะได้รับผลกระทบบ้างในการดำเนินชีวิตของประชาชนจากปัญหาจากความไม่สงบ
แต่พื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญยังเติบโตได้ดีและไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย
นอกจากนี้
ในจังหวัดยะลาและนราธิวาสยังมีด่านชายแดนที่สำคัญอีก ซึ่งมีมูลค่าการค้าชายแดนสูง
เช่น ด่านสุไหงโกลก ด่านตากใบ ด่านเบตง
ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลในการขยายการส่งเสริมการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษชาย แดนใต้
5 จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล
และสงขลา 4 อำเภอ ได้แก่ จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพาอาทิ การผ่อนผันให้ใช้แรงงานต่างด้าว
การลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำเหลือเพียง500,000 บาท ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร
ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี และส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มการลงทุนคลัสเตอร์ เป็นต้น
(ที่มาข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน)
จะยิ่งเกื้อกูลให้เกิดการลงทุนจากนักลงทุนทั้งรายเดิมและรายใหม่ ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพความเป็น
อยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น
ด้าน นายปกรณ์
ปรีชาวุฒิเดช รองประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า
การค้าชายแดนใต้มีมูลค่าสูงกว่าพื้นที่ชายแดนอื่นๆ
เพราะมีการติดต่อค้าขายกับประเทศที่เศรษฐกิจดีกว่า อย่างมาเลเซียและสิงคโปร์
จึงทำให้มูลค่าการค้าสูงตามสภาพเศรษฐกิจสำหรับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบใน
ชายแดนใต้นั้นในมุมมองในฐานะเป็นผู้ประกอบการมองว่ามีผลกระทบบ้างใน 3
จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากการเผยแพร่ข่าวสารของสื่อฯ
ทำให้ส่งผลต่อความไม่มั่นใจของนักลงทุนบ้าง แต่ไม่กระทบต่อการลงทุนส่วนรวม
ส่วนสินค้าที่เป็นอุตสาหกรรมโดดเด่นมองว่าอุตสาหกรรมแปรรูปยางพารายังคงเติบ
โตได้ดีเพราะเป็นพืชเศรษฐกิจของพื้นที่นำไปสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
โดยเฉพาะถุงมือยางนอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนิช มาร์เก็ต สำหรับเจาะตลาดชาวมุสลิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องแต่งกายมุสลิมและอาหารฮาลาล
มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากชาวมุสลิมในอาเซียนมีเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งภูมิภาค
ซึ่งไทยเราต้องพึ่งพามาเลเซียเหมือนเป็นตัวเชื่อมไปสู่ประเทศมุสลิมอื่น ๆ
โดยเฉพาะตะวันออกกลางให้มากขึ้น นอกจากนี้
รูปแบบการดำเนินธุรกิจชายแดนใต้จะแตกต่างกับชายแดนภูมิภาคอื่นตรงที่หน่วย
งานที่เกี่ยวข้องจะส่งเสริมให้นักลุงทุนชาวไทยไปตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านเพราะค่าแรงถูก
แต่ชายแดนใต้ซึ่งติดกับมาเลเซียที่ค่าแรงแพง
จึงไม่จำเป็นต้องไปตั้งโรงงานที่มาเลเซีย แต่สนับสนุนให้ผลิตและแปรรูปในประเทศไทยและส่งไปขายในมาเลเซียหรือสิงคโปร์มากกว่า