สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

กสอ.รุกพัฒนาอุตสาหกรรม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
24/04/2015
ข่าวเศรษฐกิจ

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) รุกพัฒนาอุตสาหกรรมชายแดนใต้ในเขตพื้นที่ 5 จังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูลและสงขลา ดัน 3 อุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้างโอกาสผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ผ่านการดำเนินโครงการคุณภาพที่หลากหลายเพื่อพัฒนาให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ โอกาสในการขยายธุรกิจและลงทุน เชื่อมโยงการค้าร่วมกับสมาชิกในอาเซียนผ่านแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม  กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เดินหน้าส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างต่อ เนื่อง เนื่องจากชายแดนใต้เป็นพื้นที่  ที่มีระบบการผลิตครบวงจรตั้งแต่เกษตรขั้นต้น วัตถุดิบขั้นกลาง และการแปรรูปเพิ่มมูลค่าโดยอุตสาหกรรมการผลิตที่โดดเด่นและเป็นเป้าหมายใน การส่งเสริมและพัฒนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางพาราสูงสุดอันดับต้นๆของประเทศ อาทิ ยางรถยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถจักรยาน ถุงมือยาง และถุงยางอนามัย เป็นต้น มีมูลค่าการส่งออกรวมแล้วประมาณ 1.05 แสนล้านบาท (ที่มาข้อมูล :กองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ, พฤศจิกายน 2557)

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองไม่ว่าจะเป็น อาหารแปรรูป อาหารทะเลและอาหารฮาลาล โดยจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดปัตตานีมีศักยภาพอย่างมากในการผลิต และแปรรูปอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลและที่น่าจับตามองอีกหนึ่ง อุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมที่มีการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคชาวมุสลิมในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งในอนาคตเชื่อมั่นว่าจะสามารถต่อยอดไปยังมุสลิมประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกได้ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถมองหาโอกาสทางธุรกิจจากอุตสาหกรรมดาวเด่นดังที่กล่าวมาได้

 

นายอาทิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ดำเนินโครงการที่หลากหลายเพื่อพัฒนาให้ผู้ประกอบการสามารถใช้โอกาสในการขยายธุรกิจและการลงทุน เชื่อมโยงการค้าร่วมกับสมาชิกในอาเซียน ผ่านแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้งบประมาณกว่า 28 ล้านบาทผ่านโครงการคุณภาพหลายโครงการซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถส่งเสริมผู้ ประกอบการในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน อาทิ โครงการกลยุทธ์การค้าชายแดน โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่(NEC)โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม ยางและไม้ยางพารา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง โครงการ Hand in Hand ฯลฯโดยคาดว่าคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้สูงขึ้น และประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25

ทั้งนี้ ศักยภาพทางเศรษฐกิจของชายแดนใต้เติบโตอย่างต่อเนื่องมีมูลค่าการค้าชายแดน สูงสุดในประเทศมีมูลค่าประมาณ 5 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 51.9 ของมูลค่าการค้าชายแดนรวม โดยเฉพาะด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์ ที่มูลค่าการค้าสูงเป็นอันดับ 1 และ 2 ของประเทศ ประมาณ 3.225 แสนล้านบาท และ 1.39แสนล้านบาท (ที่มาข้อมูล : กองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ,พฤศจิกายน 2557) ทั้งนี้ แม้จะได้รับผลกระทบบ้างในการดำเนินชีวิตของประชาชนจากปัญหาจากความไม่สงบ แต่พื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญยังเติบโตได้ดีและไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย

นอกจากนี้ ในจังหวัดยะลาและนราธิวาสยังมีด่านชายแดนที่สำคัญอีก ซึ่งมีมูลค่าการค้าชายแดนสูง เช่น ด่านสุไหงโกลก ด่านตากใบ ด่านเบตง ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลในการขยายการส่งเสริมการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษชาย แดนใต้ 5 จังหวัด คือ ปัตตานี  ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา 4 อำเภอ ได้แก่ จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพาอาทิ การผ่อนผันให้ใช้แรงงานต่างด้าว การลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำเหลือเพียง500,000 บาท ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี และส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มการลงทุนคลัสเตอร์ เป็นต้น (ที่มาข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) จะยิ่งเกื้อกูลให้เกิดการลงทุนจากนักลงทุนทั้งรายเดิมและรายใหม่ ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพความเป็น อยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น

ด้าน นายปกรณ์ ปรีชาวุฒิเดช รองประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การค้าชายแดนใต้มีมูลค่าสูงกว่าพื้นที่ชายแดนอื่นๆ เพราะมีการติดต่อค้าขายกับประเทศที่เศรษฐกิจดีกว่า อย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ จึงทำให้มูลค่าการค้าสูงตามสภาพเศรษฐกิจสำหรับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบใน ชายแดนใต้นั้นในมุมมองในฐานะเป็นผู้ประกอบการมองว่ามีผลกระทบบ้างใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากการเผยแพร่ข่าวสารของสื่อฯ ทำให้ส่งผลต่อความไม่มั่นใจของนักลงทุนบ้าง แต่ไม่กระทบต่อการลงทุนส่วนรวม ส่วนสินค้าที่เป็นอุตสาหกรรมโดดเด่นมองว่าอุตสาหกรรมแปรรูปยางพารายังคงเติบ โตได้ดีเพราะเป็นพืชเศรษฐกิจของพื้นที่นำไปสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะถุงมือยางนอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนิช มาร์เก็ต สำหรับเจาะตลาดชาวมุสลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องแต่งกายมุสลิมและอาหารฮาลาล มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากชาวมุสลิมในอาเซียนมีเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งภูมิภาค ซึ่งไทยเราต้องพึ่งพามาเลเซียเหมือนเป็นตัวเชื่อมไปสู่ประเทศมุสลิมอื่น ๆ โดยเฉพาะตะวันออกกลางให้มากขึ้น นอกจากนี้ รูปแบบการดำเนินธุรกิจชายแดนใต้จะแตกต่างกับชายแดนภูมิภาคอื่นตรงที่หน่วย งานที่เกี่ยวข้องจะส่งเสริมให้นักลุงทุนชาวไทยไปตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านเพราะค่าแรงถูก แต่ชายแดนใต้ซึ่งติดกับมาเลเซียที่ค่าแรงแพง จึงไม่จำเป็นต้องไปตั้งโรงงานที่มาเลเซีย แต่สนับสนุนให้ผลิตและแปรรูปในประเทศไทยและส่งไปขายในมาเลเซียหรือสิงคโปร์มากกว่า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.