สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ทุ่ม 4 หมื่นล้านปลุกเศรษฐกิจ คลังจี้ ธปท.ลดดอกเบี้ยนโยบายอีกรอบ
19/04/2015
ข่าวเศรษฐกิจ

สมหมายจี้ ธปท.ต้องลดดอกเบี้ยนโยบายซ้ำ เพื่อช่วยดูแลภาพรวมเศรษฐกิจ ระบุลดเพียง 0.25% ไม่ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าหนุนภาคส่งออกได้ ยันมาตรการคลังทำเต็มที่แล้ว ขณะที่ ม.หอการค้าไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้เหลือโต 3.2% จากเดิมคาดโต 3.5-4%


https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/v/t1.0-9/s720x720/10996068_794253034004048_2024655325753824891_n.jpg?oh=c892966c17bddad33bd3f8d75bb2a2b0&oe=55E1DB63&__gda__=1439572190_e61e48f98c5706d2f664845571c5951f

นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า การดูแลเศรษฐกิจในขณะนี้จำเป็นต้องใช้ทั้งมาตรการทางการคลังและมาตรการทางการเงินเข้ามาช่วยหนุน โดยในส่วนของมาตรการทางการคลังนั้น ขณะนี้ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังมีมาตรการเข้ามาดูแลอย่างต่อเนื่อง ส่วนมาตรการการเงินที่ผ่านมา จะเห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมา แต่การลดเพียง 0.25% นั้น ไม่ได้ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อน ดังนั้น จำเป็นต้องทยอยลดดอกเบี้ยซ้ำอีก

การลดอกเบี้ยครั้งเดียวไม่ช่วย และถือว่ายังไม่รุนแรง ซึ่งโดยทฤษฎีแล้ว การลดดอกเบี้ยจะต้องทยอยลด เหมือนฉีดยาซ้ำ เพื่อดึงดอกเบี้ยให้ลงและช่วยให้เงินบาทอ่อนช่วยส่งออกและลดต้นทุนการผลิต เพราะขณะนี้ในแง่เม็ดเงินถือว่าเรามีล้น แต่เรายังขายของไม่ได้ ก็แสดงว่าสู้เขาไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น เป็นเรื่องของ ธปท.ที่จะดูแลและในวันที่ 22 เม.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะแถลงภาพรวมผลงานที่ได้เข้าไปดูแลเศรษฐกิจ ซึ่งโดยภาพรวมถือว่ามีความพอใจกับผลงานตัวเอง

รมว.คลังกล่าวว่า สำหรับมาตรการทางการคลังในการดูแลเศรษฐกิจระยะต่อไป ขณะนี้มีมาตรการที่จะเข้าไปสนับสนุนและพัฒนากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยนอกจากรัฐบาลจะใส่เงินเพิ่มทุนในกองทุนที่มีศักยภาพแล้ว ทางกระทรวงการคลังจะให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้าไปร่วมปล่อยสินเชื่อในวงเงินแห่งละ 20,000 ล้านบาท รวมเป็น 40,000 ล้านบาท โดยวงเงินทั้งหมดจะใช้เวลาในการปล่อยสินเชื่อ 2 ปี หรือปีละ 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เงินสินเชื่อของ 2 ธนาคารจะเริ่มปล่อยเข้าสู่กองทุนหมู่บ้านนับตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้ เราต้องเพิ่มพลังให้กองทุนเหล่านี้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เลยถือโอกาสช่วงหน้าแล้งที่จะใส่เงินเพิ่มทุนผ่านระบบงบประมาณและผ่านการปล่อยสินเชื่อ

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจ สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจไทยไตรมาส 1 และแนวโน้มปี 2558ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกยังไม่ดีขึ้น เพราะธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ยังมีปัญหาด้านการเงิน ขณะที่สินค้าภาคการเกษตรยังตกต่ำ มูลค่าการส่งออกชะลอตัว คนจึงระมัดระวังจับจ่ายใช้สอย แต่เศรษฐกิจได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตค่อนข้างดี

ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าว ศูนย์ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 จะยังคงชะลอตัว และจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 โดยได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2558 ใหม่เป็นขยายตัว 3.2% จากเดิมที่คาดไว้ขยายตัว 3.5-4% และยังมีความเสี่ยงที่จะเติบโตได้ต่ำกว่า 3% เพราะการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลล่าช้ากว่าที่กำหนด ราคาสินค้าเกษตรยังคงตกต่ำ ปัญหาค่าครองชีพทรงตัวในระดับสูง เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว ทำให้กระทบต่อการส่งออกของไทย

ไตรมาสที่ 2 เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากรัฐบาลเร่งโครงการลงทุน มีการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะกระตุ้นให้เกิดการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัว และหากต่อไปเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว จะทำให้การส่งออกไทยกลับมาดีขึ้น คาดว่าปีนี้การส่งออกไทยจะยังขยายตัวได้ 0.4% หรืออยู่ในกรอบ 0-1% ส่วนเงินเฟ้อคาดจะอยู่ที่ 0.5% โดยมีกรอบอยู่ที่ 0.3-0.8%

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.