สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

พัฒนศักย์ ฮุ่นตระกูล นำธง สู่ "อุตสาหกรรมหล่อโลหะ" แสนล้าน
10/02/2015
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล

http://www.prachachat.net/online/2015/02/14230422091423042244l.jpg

อุตสาหกรรมหล่อโลหะ ถือเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำที่มีความสำคัญและเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการผลิตอื่น ๆ ประเทศไทยมีอัตราการบริโภคเหล็กสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละ 4.5% หรือประมาณ 650,000 ตัน ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ตลอดจนอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ซึ่งทุกอุตสาหกรรมที่กล่าวมาล้วนต้องอาศัยการหล่อโลหะในการนำเหล็กมาขึ้นรูปพรรณเป็นชิ้นส่วน หรือเป็นวัตถุดิบในการผลิตของอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย

ล่าสุดสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้จัดตั้ง "กลุ่มอุตสาหกรรมหล่อโลหะ" เป็นอุตสาหกรรมลำดับที่ 43 ภายใต้ส.อ.ท. ซึ่งได้มีโอกาสสัมภาษณ์ "พัฒนศักย์ ฮุ่นตระกูล" ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมหล่อโลหะ ถึงภาพรวมอุตสาหกรรมหล่อโลหะและทิศทางในอนาคตของธุรกิจ ตอนนี้การสั่งให้เราผลิตเพิ่มขึ้นยังไม่มีตัวเลขให้ดูชัดเจน เพราะต้องรอดูว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้เขาเพิ่มการผลิตมากน้อยขนาดไหน"

- ความเป็นมาของกลุ่ม


อุตสาหกรรมหล่อโลหะเริ่มพัฒนามาจากชนชั้นในวังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 (ค.ศ.1963) เป็นงานฝีมือเพื่อหล่อพระพุทธรูป จากนั้นค่อย ๆ พัฒนามาสู่การหล่อเครื่องเงิน ขัน และของใช้ต่าง ๆ จนกระทั่งมาถึงยุคของอุตสาหกรรมที่ใช้การหล่อโลหะมาเป็นส่วนประกอบของเครื่องมืออุปกรณ์เครื่องจักรในปัจจุบันผ่านมากว่า50 ปีวิวัฒนาการหล่อโลหะก้าวเข้าสู่การเป็นอุตสาหกกรรมเต็มรูปแบบ โดยการนำเอาเศษโลหะมาหล่อและผลิตเป็นชิ้นส่วนใช้ประกอบในธุรกิจยานยนต์ประมาณ 50% เครื่องจักรการเกษตร 20% และอื่น ๆ อีกประมาณ 30%

- ทิศทางและแนวโน้ม

ข้อมูลในปี 2556 อุตสาหกรรมหล่อโลหะมีการผลิตสินค้าและชิ้นส่วนวัตถุดิบรวมถึง 1,270,000 ตัน/ปี แบ่งเป็นจากเหล็กและเหล็กกล้าจำนวน 660,000 ตัน/ปีอะลูมิเนียมจำนวน 600,000 ตัน/ปี และโลหะอื่น ๆ จำนวน 10,000 ตัน/ปีทำให้อุตสาหกรรมหล่อโลหะสามารถสร้างมูลค่าได้สูงถึงประมาณ 9 หมื่นล้านบาท/ปีแต่ช่วงปี 2557 ตัวเลขไม่ค่อยดีนักเนื่องจากเจอปัญหาทางด้านการเมือง ปี 2558 ความมั่นคงทางการเมืองชัดเจนขึ้น ทำให้อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ดีขึ้นตามลำดับ

ขณะที่ภาคเกษตรมีส่วนสำคัญมากในการใช้วัสดุหล่อโลหะจากอุตสาหกรรมอาทิชิ้นส่วนเครื่องจักรกล ซึ่งในปีนี้ทางรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้ภาคเกษตรกว่า 1,000 ล้านบาท จึงหนุนให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตไปด้วย คาดว่าในปี 2558 อุตสาหกรรมหล่อโลหะจะขยายตัวพุ่งขึ้นไปได้ถึง 100,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 30% เนื่องจากฐานของปี 2557 ยังไม่สูงมาก

นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าปีนี้มียอดการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้เราสามารถตีมูลค่าตลาดของเราได้จากตัวเลขสมาคมหล่อโลหะสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่างานหล่อโลหะสามารถสร้างมูลค่าสินค้าได้ถึง 8 เท่า/ชิ้น หมายถึงเมื่อหล่อชิ้นส่วนออกมาแล้วสามารถต่อยอดมูลค่าสินค้าได้สูงถึง 8 เท่า

- ผลกระทบจากค่ายรถย้ายฐาน


ในวิกฤตเรากลับเจอโอกาส ขณะที่อุตสาหกรรมหล่อโลหะจะประสบปัญหาตลาดเงียบ เนื่องจากตลาดยานยนต์ไม่สามารถขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ และมีการย้ายฐานการผลิต เช่น โตโยต้าไปอินโดนีเซียและเวียดนาม เพราะต้องการจ้างแรงงานในราคาถูก รวมถึงจำนวนแรงงานในไทยมีไม่เพียงพอ ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับไทย เพราะค่ายรถต่าง ๆ ยังสั่งซื้อชิ้นส่วนอะไหล่จากไทยมากขึ้นกว่าเดิม เพราะใน 2 ประเทศอย่างอินโดนีเซียและเวียดนามยังมีกำลังการผลิตไม่พอ ดังนั้น จึงยังต้องนำเข้าสินค้าหล่อโลหะจากไทยเช่นเดิม และสถานการณ์เช่นนี้จะยังเป็นไปในระยะนับจากนี้ถึง 5 ปี เพราะกว่าโรงงานเหล่านี้จะคืนทุนและสร้างตลาดเองได้ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรหรือประมาณ 5-6 ปี

- การแข่งขันในธุรกิจ

ปัจจุบันในประเทศไทยมีโรงงานหล่อโลหะประมาณ 600 โรง แบ่งเป็นโรงงานของญี่ปุ่น 20 แห่ง แต่มีสัดส่วนกำลังการผลิตประมาณ 40% ของกำลังการผลิตรวม ขณะที่โรงงานของคนไทยมีกำลังการผลิตประมาณ 40% ของกำลังการผลิตรวม ที่เหลือเป็นโรงงานของไต้หวัน มีกำลังการผลิตประมาณ 20% ของกำลังการผลิตรวม

สำหรับโรงงานของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นระดับ SMEs มูลค่าโรงงานแต่ละแห่งลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท การที่ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทยเนื่องจาก 1.ตลาดญี่ปุ่นอิ่มตัว และยังมีปัญหาด้านพลังงาน หลังโรงงานผลิตนิวเคลียร์ต้องปิดไปหลายแห่ง 2.ขาดแคลนแรงงาน ต้องใช้แรงงานจากจีนและเวียดนาม 3.ค่าเงินเยนอ่อน แม้จะไม่ได้ส่งออกมาก แต่มีผลกระทบต่อการซื้อขายในประเทศและต่างประเทศพอสมควร 4.ญี่ปุ่นประสบปัญหาการสืบต่อของทายาท ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมไม่มีผู้สานต่อ จำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตมาไทยเพื่อร่วมลงทุน อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าโรงงานของญี่ปุ่นจะย้ายฐานเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอีก และภายในระยะเวลา 3 ปีนี้ นับจากนี้อุตสาหกรรมคาดว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยอีกกว่า 50-100 แห่ง มูลค่าประมาณ 5,000-10,000 ล้านบาท

ผมเชื่อว่าขณะที่ญี่ปุ่นต้องการมาลงทุนในเอเชียส่วนหนึ่ง เพราะนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นเองสนับสนุนให้คนออกไปลงทุนต่างประเทศ และไทยเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียน ซึ่งญี่ปุ่นมองการณ์ไกลเพื่อที่จะต่อยอดจากไทยไปยังตลาดอาเซียนได้ง่ายขึ้น ญี่ปุ่นจะดูเรื่องต้นทุนว่าประเทศไหนน่าสนใจ ลงทุนแล้วคุ้มทุนมากกว่ากัน และเมื่อไทยมีอุตสาหกรรมหล่อโลหะและมีโรงหล่อใหญ่ที่สุดในอาเซียนจึงไม่แปลกที่ญี่ปุ่นจะสนใจเข้ามา จะทำให้เกิดมูลค่ามหาศาลในอุตสาหกรรมหล่อโลหะ จะเกิดการจ้างงาน

- ปัญหาและสิ่งที่ต้องการให้รัฐช่วย


ปัญหาของอุตสาหกรรมกลุ่มหล่อโลหะ คือ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทถือว่าแพง ขณะที่การลงทุนด้านเครื่องจักรเป็นต้นทุนที่สูง แต่เรามีข้อจำกัด ตอนนี้สถาบันการเงินหรือธนาคารไม่มีนโยบายปล่อยสินเชื่อให้กับอุตสาหกรรมนี้อย่างจริงจัง บางรายไปซื้อเครื่องจักรหล่อเก่ามา ผลคือสินค้าด้อยประสิทธิภาพและเครื่องจักรชำรุดเร็ว การไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคาร ทำให้การจะลงทุนซื้อเครื่องหล่อใหม่ไม่มี ทำให้เกิดปัญหาเรื่องของการด้อยคุณภาพของชิ้นงาน แม้เราจะได้รับการสนับสนุนจากทาง BOI แล้วก็ตาม

บวกกับปัญหาเรื่องเศรษฐกิจรุมเร้า ขณะที่ทางรัฐบาลเองไม่สามารถช่วยเหลือ SMEs ได้ ในฐานะประธานอุตสาหกรรมกลุ่มหล่อโลหะต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อมาเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจ เพราะค่าแรง 300 บาทไม่รวมค่าจ้างเกินเวลา ทำให้ต้นทุนทุกอย่างของผู้ประกอบการสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นถึง 39% เมื่อต้นทุนสูงการกำหนดราคาสินค้าต้องสูงขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 14-15% ขณะที่เราไม่สามารถขายสินค้าให้ลูกค้าได้ต้องยอมได้กำไรลดลง

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.