
อาทิตย์ วุฒิคะโร และ อิเซอี นิชิกาว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดฟุกุอิ แลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจโดยมีปราโมทย์ วิทยาสุข ร่วมเป็นสักขีพยาน
กสอ.จับมือจังหวัดฟุกุอิ ญี่ปุ่น ตั้งสถาบันวิจัย TIRI สาขากรุงเทพฯเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือ SMEs ด้านอุตสาหกรรมทั้งของคนไทยและญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในเมืองไทย
นายปราโมทย์ วิทยาสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)ได้ร่วมมือกับจังหวัดฟุกุอิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม SMEs ของทั้ง 2ประเทศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ SMEsจากรัฐบาลท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย ในการขยายธุรกิจในระดับสากลและแลกเปลี่ยนข้อมูลและดำเนินกิจกรรมที่สร้าง ความสัมพันธ์ในด้านเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่ายให้มีความใกล้ชิดกัน
แม้ว่าจังหวัดฟุกุอิจะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่ก็มีความโดดเด่นในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรม อาทิอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทออุตสาหกรรมเครื่องจักรโดยเฉพาะ เครื่องจักรที่เกี่ยวเนื่องกับสิ่งทอที่มีส่วนแบ่งตลาดมาเป็นอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นตลอดจนอุตสาหกรรมการผลิตกรอบแว่นตาก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม ที่สำคัญของประเทศคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 90ของการผลิตกรอบแว่นตาทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามการลงนามความร่วมมือกับจังหวัดฟุกุอิครั้งนี้ ถือเป็นรัฐบาลท้องถิ่น ของประเทศญี่ปุ่นลำดับที่8 ที่ได้มีการลงนามความร่วมมือและเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อรองรับการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี2558 โดยใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมารวมกันเพื่อการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถการ แข่งขันให้แก่กันโดยเฉพาะการเชื่อมโยงคลัสเตอร์อุตสาหกรรมหรือที่เรียกว่า “Otagai Business Concept”ซึ่งเป็นแนวคิดในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการผลิตในระดับเครือ ข่ายวิสาหกิจระหว่างผู้ประกอบการ SMEsจังหวัดฟุกุอิและประเทศไทย เมื่อเผชิญปัญหาเพื่อรับมือความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นและมีแนวโน้มจะส่ง ผลกระทบให้เกิดการติดขัดหรือหยุดชะงักได้
ปัจจุบันกสอ.มีโต๊ะญี่ปุ่น ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการดำเนินงานด้านการลงทุนในการส่งเสริมและพัฒนา SMEs ให้มีศักยภาพมากขึ้นโดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐกับรัฐ และช่วงที่ผ่านมาได้รับการติดต่อจากหลายๆจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ ชิมาเนไอจิ ไซตามะ ยามานะชิ อะคิตะ โทโทริ และคาวาซากิ ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็มีนโยบายสนับสนุนให้ SMEs ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศมากขึ้นเพื่อป้องกันการปิดตัวลงของ SMEs ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากญี่ปุ่นมักประสบปัญหาในการผลิต อันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ ตลาดที่หดตัวลงและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามในด้านการค้าและการลงทุนกับประเทศไทยนั้น บริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นเลือกลงทุนในไทยเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศ AEC เนื่องจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่มีความพร้อมทั้งการเชื่อมโยงไป สู่อาเซียน โดยขณะนี้มีบริษัทของจังหวัดฟุกุอิได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้วจำนวน 20 บริษัท เป็นจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 11 โรงงาน คิดเป็นจำนวนเงินลงทุนประมาณ 7 พันล้านบาท และในจำนวนนี้เป็นประเภทอุตสาหกรรมสิ่งทอมากที่สุด
ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้มีการจัดตั้งสำนักงานเดอะฟุกุอิแบงก์ ลิมิเต็ด(The Fukui bank Limited) เป็นผู้แทนประสานงานระหว่างภาครัฐบาลและเอกชนของจังหวัดฟุกุอิกับหน่วยงานใน ประเทศไทย ลักษณะเป็นศูนย์ให้การสนับสนุน (Support Center) ด้านการค้าการลงทุนโดยมีสำนักงานอยู่ ณอาคาร แอทธินีทาวเวอร์ และได้เปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาสำหรับในปี 2557 มีบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยกว่า300 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า109,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปี 2557 จะมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง1.5 แสนล้านบาท