การประชุมครม. เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2557 ที่มีพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมีมติอนุมัติและเห็นชอบในเรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง โดยเฉพาะข้าราชการในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ดร.อรรชกา สีบุญเรืองดร.อรรชกา สีบุญเรืองที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่ไปแล้วล็อตแรก รวมถึงตำแหน่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีผลไปก่อนแล้วก่อนหน้านี้

ล่าสุด"ดร.อรรชกา สีบุญเรือง" ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมป้ายแดงพร้อมเปิดใจกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงภารกิจจานร้อนที่ต้องรีบสะสางให้เสร็จก่อนที่จะนำพาองคาพยพเร่งผลักดันงานด้านต่างๆที่ได้รับมอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม(จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช)และจากรัฐบาล ให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป
-เร่งปรับคนเดินหน้างาน
โดยเธอเปรียบเปรยให้เห็นภาพก่อนว่า เวลานี้กระทรวงอุตสาหกรรมเปรียบเหมือน"เป็ดง่อย" เพราะตำแหน่งผู้บริหารภายในยังแต่งตั้งไม่หมด แม้ก่อนหน้านี้ครม.มีมติแต่งตั้งบางตำแหน่งออกมาแล้ว โดยเฉพาะในระดับกรมที่มีอธิบดีที่เกษียณออกไปและก็มีแต่งตั้งข้าราชการ พลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง โดยเฉพาะข้าราชการในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมในระดับ 10 ซึ่งขณะนี้ตำแหน่งรองปลัดก็ยังไม่ครบ เพิ่งมี3ท่าน ยังว่างอีก 1 ตำแหน่ง และตำแหน่งรองอธิบดี ก็ยังว่างอยู่อีก เหล่านี้ก็ยังต้องมีการพิจารณาแต่งตั้งกันอีก
ยังไม่นับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก ซึ่งเป็นระดับ9 อุตสาหกรรมจังหวัด ผู้อำนวยการศูนย์ภาค เหล่านี้รวมๆแล้วน่าจะราว 50-60 คน ซึ่งรวมตำแหน่งที่เข้ามาแทนข้าราชการที่เกษียณไปด้วย โดยเฉพาะรองอธิบดีซึ่งเป็นระดับ9 เพื่อจะได้ดูว่ายังมีจุดไหนที่มีตำแหน่งว่างอีก ซึ่งจะเห็นว่าถ้าตำแหน่งระดับสูงไม่ขยับ ระดับล่างลงมาก็ขยับยาก ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมจังหวัดที่มีกว่า 70 จังหวัด ก็ต้องมาไล่ดูว่า ก่อนที่เราจะไปตั้งตำแหน่งที่ว่าง เราก็ต้องไปดูตำแหน่งอาวุโส รวมทั้งคนที่เป็นอุตสาหกรรมจังหวัดอยู่เดิมก่อน ก็ควรจะได้เลื่อนขั้นขึ้นมาอยู่จังหวัดที่ใหญ่หรือจังหวัดเกรดเอ, บี ,ซี,ดี ที่เรามีการแบ่งเกรดไว้ตามปริมาณงาน ดังนั้นเรื่องคน จึงเป็นภารกิจแรกของปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมก็ต้องมาดูเป็นหลักก่อน เพราะถ้าไม่รีบขับเคลื่อนเรื่องคนก็ทำงานอย่างอื่นไม่ได้
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่กล่าวถึง หลักในการปรับเปลี่ยน โยกย้าย แต่งตั้งว่าจะต้องมีหลักเกณฑ์ และหลักการ ยกตัวอย่าง กรณีที่เราเห็นว่าตำแหน่งรองปลัดว่างเยอะ ดังนั้นการที่ปรับอธิบดีขึ้นมา แล้วไปปรับผู้ตรวจขึ้นมาเป็นรองปลัดเลยก็เร็วไป เพราะจริงๆแล้วรองปลัดควรจะต้องมาจากอธิบดี เพราะรองปลัดจะต้องไปกำกับกรมอีกที ซึ่งจะต้องทำให้ถูกต้อง จากที่ผ่านมาขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นรองปลัด แล้วไปลงที่กรม บางคนก็ขึ้นไปเป็นรองปลัดก่อนแล้วถึงไปลงที่กรม ก็ต้องมาทำให้ถูก และต้องคำนึงถึงจิตใจกันด้วย เพราะในที่สุดแล้วทุกคนก็เป็นข้าราชการด้วยกัน
สำหรับเรื่องการจัดคนให้เข้าที่เข้าทางตั้งเป้าว่าในไตรมาสแรกปี2558จะเร่ง ทำให้เสร็จ เพราะยังมีอีกหลายสเต็ปที่ต้องทำให้เร็ว เช่น ระดับ9 ขึ้นไประดับ 10 หรือรองปลัดที่ยังว่างอยู่เราก็จะทำระดับ 8 ขึ้นไประดับ9 ทำไปพร้อมๆกัน
ดร.อรรชกากล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องคนแล้ว เรายังต้องทำเรื่องงบประมาณควบไปด้วยอีกทาง เพราะเป็นนโยบายรัฐบาล ที่จะต้องเร่งใช้งบประมาณ ในไตรมาสแรกปีงบประมาณ2558 หรือช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2557 ที่จะต้องใช้ให้ทันที่สัดส่วน32% ของงบประมาณ 5.80 พันล้านบาท ซึ่งแต่ละกรมจะต้องเร่งจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งงบในการอบรมที่จะต้องเร่งทำ โดยแต่ละกรมจะมีงบในการขับเคลื่อน และตัวหลักส่วนใหญ่จะเป็นงบดำเนินงานกับงบรายจ่ายอื่น เช่นงบโครงการ แผนงานทั้งหลายที่จะสอดคล้องกับนโยบายหรือยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ตามแผนพัฒนาฉบับที่11 ของสภาพัฒน์ รวมถึงนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และยุทธศาสตร์ของกระทรวงอุตสาหกรรมเอง ที่ต้องมาดูให้สอดคล้องกันทั้งหมด เช่น เรื่องของ3จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งก็เป็นอีกเรื่อง
ส่วนเรื่องการออกใบอนุญาตและอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน จะไม่ใช่เฉพาะเรื่องการออกใบอนุญาตรง.4 แต่จะมีเรื่องต่อใบอนุญาต ดูเรื่องมาตรฐานสินค้าจากสมอ. ดูทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาตของกระทรวงทุกจุดก็ต้องมาดู ส่วนหนึ่งก็คืบหน้าไปมากแล้วเพราะเริ่มทำมาตั้งแต่เริ่มมีคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ(คสช.) ต่อเนื่องมาถึงช่วงมีรัฐบาล
นอกจากนั้นจะเป็นเรื่องของยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เรื่องการลอยตัวของอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายในประเทศ ส่วนเรื่องการตั้งขยายโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่จะสอดคล้องกันหรือไม่กับที่อนาคต จะมีเรื่องโซนนิ่งอ้อย การปลูกอ้อยกับโรงงานน้ำตาลจะต้องไปด้วยกัน เราก็ต้องมาดูเรื่องการกำหนดพื้นที่ตั้งโรงงานในรัศมี80 กิโลเมตรว่าต้องทบทวนใหม่หรือไม่
สำหรับเรื่องนิคมอุตสาหกรรมก็มีหลายเรื่องที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อุตสาหกรรมมอบหมายมา มีทั้งเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล เรื่องการตั้งนิคมอุตสาหกรรมยาง เรื่องการจัดการกากอุตสาหกรรม ที่จะมีเรื่องว่าจะทำอย่างไรให้กากอุตสาหกรรมเข้าระบบอย่างถูกต้อง และเรื่องการตั้งนิคมอุตสาหกรรมกำจัดกากขยะอุตสาหกรรมซึ่งส่วนนี้จะเกี่ยว ข้องทั้งกรมโรงงานฯและกนอ.ที่ต้องช่วยกันดู ซึ่งตรงนี้ ก็มองว่าถ้ามีนิคมอุตสาหกรรมที่มีผู้ประกอบการที่รีไซเคิล ,รียูส รวมทั้งกำจัดกากอันตรายไปอยู่รวมที่เดียวกันก็จะเป็นประโยชน์ที่จะทำให้โรง งานอุตสาหกรรมสามารถส่งกากอุตสาหกรรมเข้ามาบำบัดหรือดำเนินการต่อได้ ตรงนี้ก็ต้องเร่งศึกษากันซึ่งเป็นนโยบายที่ท่านรัฐมนตรีที่ให้เร่งดำเนินการ
-จับตาเรื่องน่าห่วง
ส่วนเรื่องที่น่าห่วงในกระทรวงอุตสาหกรรม ก็มีหลายๆหน่วยงานในกระทรวงยังทำได้ไม่ดีในเรื่องการบริหารบุคลากร ตั้งแต่การคัดเลือกคนเข้ามาทำงาน ถ้าผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญในการพยายามหาคนเก่งเข้ามาทำงาน และไม่ใช้ความตั้งใจในการหาคนเก่งและปล่อยให้มีการทดสอบเข้ามาตามปกติมันก็ จะได้คนที่มีคุณภาพด้อยลง และอยู่ไปจนเกษียณ ดังนั้นการหาคนเก่งเข้ามาทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างน้อยมาจากเด็กทุนก.พ.ที่คัดเลือกมาให้ หรือไปเรียนต่อกลับมาแล้วก็พยายามดึงเข้ามาทำงานเพราะมีทุกปี
แต่เผอิญตัวเองมาจากบีโอไอที่มองความสำคัญเรื่องคนมาก่อน และไม่ใช่เฉพาะให้ความสำคัญในการเลือกคน แต่จะมีเรื่องการเทรนคน การอบรม การมีแรงจูงใจให้อยากรับราชการต่อไป และการให้ความสำคัญในเรื่องของการหมุนเวียนงาน ซึ่งในกระทรวงอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำกัน ซึ่งในแต่ละกรม เพราะตัวเองก็ยังไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าอาจจะถูกข้ามห้วยไปไหน หรือวันดีคืนดีก็มีคนกระโดดข้ามหัวมานั่งแทน ไม่เหมือนระบบทหาร ผู้พิพากษา อัยการ ที่จะรู้เลยว่ามาทำงานปีนี้วันนี้จะไล่ระดับขึ้นไปอย่างไร อีกเรื่องเราพบว่าระบบการงานในกระทรวงอุตสาหกรรมบางทียังมีการทำงานซ้ำซ้อน กัน พอถึงเวลาก็ไม่มีการติดตามผล
-ไม่กดดันเป็นคนสู้งาน
สุดท้ายเมื่อถามว่าเป็นปลัดหญิงคนแรกของกระทรวงอุตสาหกรรมมีความกดดันอะไร หรือไม่ เธอให้คำตอบว่าไม่กดดันอะไร เพราะเป็นคนสู้งานมาตลอด และไม่กลัวที่จะมีงานทำมากๆ และมั่นใจว่าการทำงานจะได้รับความร่วมมือจากคนในกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นอย่าง ดี และเราก็ไม่ใช่พระเอกขี่ม้าขาวมาทำงานคนเดียว แต่เราทำงานเป็นทีม และมีการติดตามงาน จากที่เคยทำงาน 1 ชิ้น ใช้เวลา 2-3 วัน ต้องเร่งให้เหลือภายในครึ่งวัน โดยมีการกำหนดระยะเวลาในการทำงาน และจะต้องทำให้ได้ตามเป้าหมาย
"โดยส่วนตัวมองว่าอย่าไปกังวลกับอนาคตที่จะมาถึงและอย่าไปคร่ำครวญกับอดีต ซึ่ง37 ปีกับชีวิตราชการตั้งแต่อยู่ที่บีโอไอก็ได้เรียนรู้หลักการทำงานเป็นทีม เป็นระบบ หยุดนิ่งไม่ได้ และมีการปรับปรุงทั้งคนและนโยบายอยู่ตลอดเวลา และตัวเองก็โชคดีมาตลอดที่มีลูกน้องดีและมีนายที่ดี" ดร.อรรชกา ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่กล่าวทิ้งท้าย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,994 วันที่ 23 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557