รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นแตะที่ 7.772 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ลดลง 0.025% จากเดือนมิ.ย.ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทบางแห่งยังคงชะลอการลงทุนทางธุรกิจ
รายงานระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวไม่นับรวมไปถึงอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือและสาธารณูปโภคซึ่งมีความผันผวนสูง โดยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรถือเป็นดัชนีชี้วัดการค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนในอนาคตของธุรกิจ
สำหรับยอดสั่งซื้อเครื่องจักรจากภาคการผลิต ปรับตัวขึ้น 4.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สู่ระดับ 3.187 แสนล้านเยน ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน ขณะที่ยอดสั่งซื้อจากนอกภาคการผลิต ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.019% แตะที่ 4.624 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน
ส่วนความต้องการเครื่องจักรของญี่ปุ่นในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นมาตรวัดยอดการส่งออกในอนาคตนั้น เพิ่มขึ้น 1.4% แตะที่ 7.66 แสนล้านเยนในเดือนก.ค. หลังจากที่ร่วงลง 16.7% ในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงการประเมินยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเอาไว้ระดับเดิม โดยระบุว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักร "กระเตื้องขึ้นปานกลาง"
เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะรัฐมนตรีกล่าวว่า การปรับตัวลงของยอดสั่งซื้อเครื่องจักรในเดือนก.ค.ไม่ได้บ่งชี้ว่าการลงทุนในภาคธุรกิจจะซบเซาลงในวันข้างหน้า เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีความแข็งแกร่งได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากนโยบายเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ซึ่งมุ่งเน้นในเรื่องการผ่อนคลายทางการเงินในเชิงรุก