นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน 2556 นี้ ผู้บริหารของ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)จะร่วมเดินทางไปกับคณะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในโอกาสเยือนสมาพันธรัฐสวิส และสาธารณรัฐอิตาลี อย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีด้านการค้า และการลงทุนร่วมกัน โดยในวันที่ 10 กันยายน 2556? บีโอไอ ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายไทย และฝ่ายสวิสเซอร์แลนด์ จัดสัมมนาทางธุรกิจ ภายใต้หัวข้อ “Swiss-Thai Business Cooperation” ณ นครซูริก สวิสเซอร์แลนด์
หลังจากนั้น วันที่ 11-12กันยายน 2556 จะมีการจัดงาน Business Forum ที่กรุงโรมและมิลาน ประเทศอิตาลีโดยมีนายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการบีโอไอเข้าร่วมบรรยายภาพรวม โอกาสและลู่ทางการลงทุนในประเทศไทยนอกจากนี้ จะมีการลงนามต่ออายุบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและ Italian Trade Promotion Agency (ICE) ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมการไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทอิตาลีโดยจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีลงนามด้วย
เลขาธิการสำนักงาน บีโอไอ กล่าวว่าสวิสเซอร์แลนด์เป็นประเทศผู้ลงทุนสำคัญและเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลกโดยเป็นหนึ่งในประเทศจากยุโรปที่เข้ามาลงทุนในไทยค่อนข้างสูงและเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2545-กรกฎาคม 2556มีโครงการจากสวิสเซอร์แลนด์ได้รับส่งเสริมการลงทุนแล้ว 134 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 64,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และกระดาษ รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมโลหะและเครื่องจักรกล อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร เป็นต้น
“เศรษฐกิจโดยรวมของสวิส แม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจยุโรปแต่ก็ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 ภาวะเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555โดยมีเป้าหมายในการชักจูงให้มาลงทุนในไทย อาทิ เครื่องจักร/อุปกรณ์ที่มีความแม่นยำสูง เคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยาและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นต้นรวมถึงโอกาสที่จะกระตุ้นให้เกิดการร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทยในการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือขั้นตอนการผลิตในอนาคต” นายอุดม กล่าว
ส่วนอิตาลี มีการพัฒนาอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ไทยสามารถนำมาเป็นตัวอย่างได้ทั้งด้านการนำเทคโนโลยีภูมิปัญญาท้องถิ่น และเอกลักษณ์มาใช้ในผลิตภัณฑ์สินค้าซึ่งเอสเอ็มอีจากอิตาลีก็เป็นกลุ่มเป้ หมายหนึ่งในการชักจูงการลงทุน
ทั้งนี้ ระหว่างปี 2545 — กรกฎาคม 2556 มีโครงการลงทุนจากอิตาลีได้รับส่งเสริมการลงทุนแล้ว 67 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 8,250 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านอุตสาหกรรมโลหะและเครื่องจักรกล
“บีโอไอ ตั้งเป้าดึงการลงทุนในกลุ่มที่มีศักยภาพของอิตาลีให้เข้ามาลงทุนในไทย อาทิ อุตสาหกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม ไบโอเทคโนโลยี อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โลหะและเครื่องจักร” นายอุดม กล่าว