ประเทศไทยในอดีตแต่โบราณกาลมีดิน น้ำ ที่ อุดมสมบูรณ์ "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" แต่ต่อมาได้มีการเปลื่ยนแปลงระบบการผลิตจากผลิตแบบหลากหลาย เป็นกานผลิตเพื่อการพาณิชย์และส่งออกเน้นการผลิตพืชเชิงเดี่ยวและใช้เทคโนโลยีทันสมัย ทั้งปุ๋ยเคมีและสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเพื่อเพิ่มการผลิต ประกอบกับพื้นที่เพาะปลูกขาดการบำรุงรักษาจึงมีความเสื่อมโทรมลงตามลำดับ พื้นที่การเกษตรกว่าครึ่งประมาณ 68 ล้านไร่ มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนค้างต่ำ คือมีปริมาณอินทรียวุตถุน้อยกว่า 1.5% (มาตรฐาน 5%) จึงเป็นมาเหตุทำมห้ผลผลิตต่ำ รัฐบาลจึงมีแนวคิดเปลื่ยนระบบการผลิตภาคเกษตรที่ปัจจุบันเป็นเกษตรแบบใช้สารเคมี ให้เป็นเกษตรแบบใช้สารอินทรีย์ / เกษตรไร้สารพิษ / เกษตรอินทรีย์ เพื่อลดปริฒาณการใช้สารเคมีทางการเกตร ซึ่งประเทศไทยไม่สามารถผลิตเองได้ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีแนวโน้มปริมาณการนำเข้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประเทศต้องสูญเสียเงินตรานำเข้าสารเคมีทางการเกษตรเป็นมูลค่าสูงถึงปีละประมาณ 40,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ปํญหาหลักของการใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างไม่ถูกวิธีและไม่มีประสิทธิภาพ ส่างผลกระทบตามมาอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสารพิษตกค้างในผลผลิตทางการเกษตร อาหารที่คนไทยบริโภคมีสารพิษปนเปื้อนเป็รจำรวนมาก สารพิษที่ตกค้างอยู่ในอาหารนั้นเป็นสาเหตุคัญประการหนึ่งต่อการทำลายสุขภาพของประชาชน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง การดำเนินการขับเคลื่อนส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ลดใช้สารเคมีทางการเกษตรอินทรี/เกษตรอินทรีย์ ของกรมพัฒนาที่ดิน มุ่งหวังว่าจะสามารถช่วยบดภาระค่าใช้จ่านของประเทศที่ต้องสูญเสียไปกับการนำเข้าสารเคมีทางการเกษตรและเกิดประโยชน์อย่างยิ่งกับเกษตรกรคือ ช่วยลดต้นทุนการผลิต และลดความเสี่ยงทางสุขภาพที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สารเคมี รวมทั้งเกิดประโยชน์กับผู้บริโภคที่ได้มีโอกาสบริโภคอาหารที่ปลอดสารพิษ ลดความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็ง ส่งผลในการช่วยลดรายจ่ายทางสุขภาพเพื่อสร้างสุขภาพที่ยั่งยืนของคนไทย นางกุลรัศมิ์ อนันต์พงษ์สุข รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านวิชาการ กล่าวว่า การผลิตในระบบเกษตรยั่งยืนปัจจัยหลักที่สำคัญ คือ "ความอุดมสมบูรณ์ของดิน" ดั้งนั้น กรมพัฒนาที่ดินจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกษตรกรมีทางเลือกในการผลิตในระบบเกษตรใช้สารอินทรีย์ (ลดการใช้เคมีทางเกษตร) โดยกรมฯ ได้ดำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้อินทรีลดใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน ผลการดำเนินการคือ มีกลุ่มเกษตร ครอบคลุมทุกหมู่บานประมาณ 70,000 กลุ่ม และในปี 2553 ได้เริ่มดำเนินการส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรเข้าสู่การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (ปีละประมาณ 100 กลุ่ม) 457 กลุ่ม เกษตรกร 2,241 ราย มีเกษตรกรผ่านการรับรองมาตรฐานพืชอินทรีย์ ประมาณร้อยละ 5 และผ่านการรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ประมาณร้อย 80 ทั้วนี้ กรมพีฒนาที่ดินจะสนับสนุนส่างเสริมกลุ่มเกษตรกรทำเกษตรอิทรีย์เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 100 กลุ่ม ไปอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในอีกสิบปีข้างหน้าจะมีกลุ่มเกษตรกรทำเกษตรอินทรีเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในปีงบประมาณ 2557 กรมพัฒนาที่ดินยังคงให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ลดการใช้สารเคมีมางการเกษตร /เกษตรอิทรีย์โดยมีการดำเนินงานหลัก ดังนี้ สนับสนุนต่อยอดกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่ทีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยกรม ฯ จะให้การช่วยเหลือทางด้านวิชาการ การจัดการดินที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืช การผลิตและใช้สารอินทรีย์เพื่อทดแทนหรือใช้สารเคมีทางการเกษตร สนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรได้แก่ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ พด. เมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด ถังหมักน้ำตาลทรายหรือวัสดุให้ความหวานชนิดอื่น รวมที้งให้การสนับสนุนตามความเหมาะสม กลุ่มเกษตรกรที่มีความพร้อมและสมัครใจเจ้าสู่การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ หรมฯ จะอบรมถ่ายทอกองค์ความรู้หลักการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐาน ให้การสนันสนุนปัจจัยการผลิตที่จำเป็นสำหรับการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ และดำเนินการยื่นสมัคขอรับรองมาตรฐานพืชอินทรีย์กับกรมวิชาการเกษตร และมาตรฐานข้าวอินทรีย์กับกรมข้าว นอกจากนี้ กรมพัฒนาที่ดินจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เครือข่ายภาคเอกชน ฯลฯ เพื่อหาแนวทางในการช่วยกลุ่มเกษตรกรที่สามารถผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้วิจัยและพัฒนานวัดกรรมเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ พด. ซึ่งปัจจุบันกรมพัฒนาที่ดินได้นำไปส่งเสริม ถ่ายทอดองค์ความรู้และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ รวม 8 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ซุปเปอร์ พด.1 ผลิตปุ๋ยหมัก ซุปเปอร์ พด.2 ผลิตน้ำหมักชีวภาพ ซุปเปอร์ พด.3 ผลิตสารควบคุมโรครากเน่าและโค่นเน่าของพืช ซุปเปอร์ พด.6 ผลิตสารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็น และกำจัดลูกน้ำยุงรำคาญ ซุปเปอร์ พด.7สำหรับผลิตสารควบคุมแมลงศัตรูพืช ซุปเปอร์ พด.9 จุลินทรีย์เพิ่มความเป็นประโยชน์ฟอสฟอรัสในดินกรด ดินเปรี้ยว พด.11 จุลินทรีย์สำหรับพืชปรับปรุงบำรุงดิน ปุ๋วชีวะภาพ พด.12 "นอกจากนี้แนวทางที่กล่าวมา ทางกรมฯ ยังได้มีการชี้แจงกับหมอดินอาสาทั่วประเทศ ในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 รวมทั้งการอบรมเจ้าหน้าที่ขิงกรมพัฒนาที่ดินในการเข้าไปชี้แจงให้กับเกษตรกรได้รับทราบเป็นระยะ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การเพิ่มคุณภาพผลผลิต และความรู้เกี่ยวกับวิทยาการใหม่ๆ เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งข้อมูล โดยการร่วมมือกัยระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงไอซีที และกระทรวงมหาดไทย ในการทำความเชื่อมโยงระหว่างแหล่งผลิตสินค้าและการตลาด การขนส่าง เพื่อนำมาจัดทำฐานข้อมูล ทั้งใรส่วนของ เกษตรกรภาครัฐเอกชน ที่เกี่ยวข้อง เพื่แให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด" นางกุลรัศมิ์ กล่าว