รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของภาคเอกชนญี่ปุ่นปรับตัวลง 2.7% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แตะที่ 7.774 แสนล้านเยน และเป็นการยอดที่หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทบางแห่งพยายามหลีกเลี่ยงการเพิ่มการใช้จ่ายด้านทุน ซึ่งเป็นตัวเลขที่นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะมองว่า เป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานนั้น ไม่นับรวมยอดสั่งซื้อในอุตสาหกรรมต่อเรือและสาธารณูปโภคเนื่องจากมีความผันผวน
อย่างไรก็ตาม ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานในไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัว 6.8% ทำสถิติขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส และเป็นการขยายตัวรายไตรมาสที่แข็งแกร่งที่เป็นลำดับที่ 2 นับตั้งแต่ทางการญี่ปุ่นเริ่มทำการเปรียบเทียบข้อมูลในเดือนเม.ย. 2548
รายงานดังกล่าวทำให้สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มการประเมินยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โดยกล่าวว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักร "กระเตื้องขึ้นปานกลาง" เทียบกับมิ.ย.ที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักร "ส่งสัญญาณการกระเตื้องขึ้นปานกลาง"
สำหรับความต้องการเครื่องจักรญี่ปุ่นในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้การส่งออกในอนาคตนั้น ร่วงลง 16.7% แตะที่ 7.553 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่พุ่งขึ้น 10.3% ในเดือนพ.ค.