"สยามวอเตอร์เฟลม" พลิกวิกฤติข้าวไทยมีสารเคมีตกค้างเป็นโอกาสนำเสนอระบบกำจัดมอด และด้วงงวงข้าวโดยใช้ก๊าซไฮโดรเจน ชี้ปลอดภัยจากสารพิษเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำร่องเจาะกลุ่มลูกค้าข้าวอินทรีย์ พร้อมขยายสู่อีกหลายกลุ่มเป้าหมาย เล็งช่วยปั๊มรายได้บริษัทปีนี้โตเท่าตัว เตรียมยื่นจดอนุสิทธิบัตร เคลมเป็นเจ้าแรกในไทยและเอเชีย
นายสัมฤทธิ์ แซ่เจียง กรรมการ บริษัท สยามวอเตอร์เฟลม จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากที่ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ได้ทำการวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) ระบบกำจัดมอดและด้วงงวงข้าวโดยใช้ก๊าซไนโตรเจน เป็นผลสำเร็จรายแรกของไทยและของเอเชีย ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ประกอบการข้าวของไทยที่ขณะนี้มีปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้างในข้าว หากมีการนำระบบนี้ไปใช้กันอย่างแพร่หลายมั่นใจว่าจะสามารถกอบกู้ชื่อเสียงข้าวไทยให้กลับคืนมาได้ เพราะเป็นระบบที่ปลอดจากสารเคมี ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ล่าสุดบริษัทได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบสู่เชิงพาณิชย์แล้ว โดยได้ทำการสาธิตระบบ ณ คลังเก็บข้าวของบริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด เป็นแห่งแรกเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลเป็นที่พอใจ
สำหรับระบบกำจัดมอดและด้วงงวงข้าวโดยใช้ก๊าซไนโตรเจน ได้อาศัยแนวคิดที่ว่าสิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องใช้ก๊าซออกซิเจนในการหายใจ หากมีปริมาณก๊าซออกซิเจนต่ำมากสิ่งมีชีวิตจะเริ่มหายใจถี่และตายในที่สุด ดังนั้นจึงได้ออกแบบระบบให้เป็นห้องปิดที่มีปริมาณก๊าซออกซิเจนต่ำกว่า 0.5% โดยใช้เทคโนโลยีดูดอากาศภายในห้องมาผ่านระบบดูดซับก๊าซออกซิเจนออกไป เหลือเพียงก๊าซไนโตรเจนเข้มข้น 99.5% ส่งผลให้มอดแป้งและด้วงงวงข้าวตายภายใน 7 วัน มีค่าใช้จ่ายในการจำกัดในเรื่องค่าก๊าซเพียง 10 บาทต่อตัน
"ระบบของเรามีต้นทุนค่าเครื่องผลิตก๊าซไนโตรเจน และระบบตู้ควบคุมความบริสุทธิ์ของก๊าซ รวมประมาณ 1.6 ล้านบาทต่อยูนิตสามารถใช้ได้ใน 3 รูปแบบ คือ 1.กองข้าวขนาดใหญ่ใช้ผ้าใบคลุมและซีลขอบกันรั่ว ปริมาณข้าวครั้งละมากกว่า 50 ตัน 2. ตู้คอนเทนเนอร์ปิด ปริมาณข้าวครั้งละ 20-25 ตัน และถุงควบคุมอากาศปริมาณข้าวถุงละ 150-200 กิโลกรัม"
นายสัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแรกคือผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์ และข้าวทั่วไปในอนาคตแล้ว ยังมีเป้าหมายลูกค้าในกลุ่มผู้ประกอบการเมล็ดพืช เช่น ถั่วเขียว ลูกเดือยที่ส่งสินค้าจำหน่ายในห้าง ผู้ประกอบการ/ผู้สะสมหนังสือเก่า รูปภาพโบราณ ผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ที่มีปัญหาเรื่องมอด เป็นต้น โดยบริษัทให้บริการใน 2ลักษณะคือ ขายเป็นระบบและให้บริการหลังการขาย และอีกลักษณะคือให้บริการเป็นครั้งคราวแบบโมบายยูนิต ล่าสุดบริษัทมีกำลังผลิตสินค้า 20 ระบบต่อเดือน อนาคตจะขยายตามความต้องการของลูกค้า
สำหรับบริษัทสยามวอเตอร์เฟลมฯ เป็นบริษัทผู้นำด้านการคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีที่หลากหลายปัจจุบันดำเนินธุรกิจใน 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหญ่ๆ ได้แก่ 1. กลุ่มเครื่องผลิตก๊าซ (Gas Generator) เช่นเครื่องผลิตก๊าซไฮโดรเจนจากน้ำ เครื่องผลิตก๊าซไนโตรเจน และเครื่องผลิตก๊าซออกซิเจนจากอากาศ 2.กลุ่มเครื่องควบคุมบรรยากาศในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์แบบปิด (Climate Controller) 3. กลุ่มเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ (Jewelry Equipment) และ 4. กลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และไฟฟ้า (Electronics and Electrical) ที่บริษัทรับจ้างทำอาร์ แอนด์ ดี และผลิตสินค้าให้กับบริษัททั่วไป โดยทั้ง 4 กลุ่มปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 25, 40, 25 และ 10% ตามลำดับ
"เมื่อปี 2555 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ประมาณ 80 ล้านบาท ในปีนี้หากแผนงานการขยายตลาดในส่วนของระบบกำจัดมอด และด้วงงวงข้าว โดยใช้ก๊าซไนโตรเจน รวมถึงในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ข้างต้น ที่เรามีแผนเข้าไปเจาะตลาด หากประสบความสำเร็จ เราคาดหวังรายได้ปีนี้ที่ 160 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเท่าตัว"
อย่างไรก็ดีในสัปดาห์หน้าบริษัทจะเชิญเจ้าหน้าที่จากกรมวิชาการเกษตรมาชมการสาธิตการทดสอบระบบเพื่อให้การรับรอง นอกจากนี้มีแผนจะยื่นจดอนุสิทธิบัตรการออกแบบดีไซน์ระบบ และยื่นจดสิทธิบัตรเป็นลำดับถัดไปเพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบทั้งในและต่างประเทศต่อไป