สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

รัฐโหมเมกะโปรเจ็กต์ เดินหน้าปักหมุดชุดใหญ่ลุ้นฟื้น‘เวสเทิร์นซีบอร์ด’ผุดโรงถลุงเหล็ก
08/04/2015
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล

“รัฐบาลประยุทธ์” ประกาศลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ต่อเนื่อง หวังกระตุกความเชื่อมั่นนักลงทุน ไฟเขียวทั้งคลื่น 4 จี รถไฟฟ้าสายสีเขียว แผนแม่บทคมนาคมขนส่ง 8 ปี1.9 ล้านล้าน อัดงบประมาณ 2558 เฉียด 5.6 หมื่นล้าน เตรียมขอครม.อนุมัติแผนสุวรรณภูมิ เฟส 2 ด้าน “จักรมณฑ์” เล็งฟื้นโครงการเวสเทิร์นซีบอร์ดที่บางสะพานพร้อมทาบกลุ่มทุนเก่ากลับมาผุด โรงถลุงเหล็ก

http://www.thanonline.com/images/stories/article2015/3041/103.jpg

ในภาวะซึมเซาของเศรษฐกิจไทย ที่ยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุนลงเป็นลำดับนี้ นักเศรษฐศาสตร์ชี้ตรงกันว่า รัฐต้องเร่งสร้างความชัดเจนในแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เพื่อปลุกความเชื่อมั่นภาคเอกชนกลับคืนมา เพื่อจะเริ่มตัดสินใจลงทุนตาม เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต  ทำให้นับแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลทยอยประกาศปฏิทินแผนการลงทุนโครงการใหญ่ออกมาเป็นระลอก  ทั้งที่เป็นการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ  ผ่อนคลายข้อจำกัดเพื่อจูงใจการลงทุนของภาคเอกชน จนถึงปัดฝุ่นโครงการเวสเทิร์นซีบอร์ด เพื่อดึงดูดเอกชนลงทุนโรงถลุงเหล็ก อุตสาหกรรมหนักต้นน้ำอีกรอบ นั้น   
-ฟื้นเวสเทิร์นซีบอร์ด
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เร็ว ๆ นี้โดยไม่เกินเดือนพฤษภาคม  จะเสนอครม.เศรษฐกิจให้พิจารณาอนุมัติ โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก หรือเวสเทิร์น ซีบอร์ด ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช. หรือสภาพัฒน์) เคยศึกษาไว้นานแล้ว   เพื่อเป็นฐานการลงทุนอุตสาหกรรมหนัก เช่น เหล็ก โรงไฟฟ้า  มีภาครัฐนำร่อง โดยอาจเป็นการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)  ร่วมมือกับภาคเอกชน  ศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกัน ซึ่งจะดีกว่าในสายตาทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว
ส่วนพื้นที่เบื้องต้นเริ่มจากที่มีอยู่แล้วก่อน คือพื้นที่ที่บางสะพานของเครือสหวิริยา ขนาดประมาณ 9 พันไร่ เพียงพอที่จะสร้างโรงถลุงเหล็ก โรงไฟฟ้า มีท่าเรือน้ำลึก   ซึ่งการลงทุนตั้งโรงถลุงเหล็ก จะต้องเปิดการลงทุนเป็นการทั่วไป โดยจะกลับไปทาบทามกลุ่มผู้สนใจเดิม อาทิ บริษัท  นิปปอนสตีลฯ และเจเอฟอี สตีล จากญี่ปุ่น หรือทุนเกาหลี เช่น กลุ่มพอสโก ให้ทบทวนแผนกลับมาลงทุนอีกครั้ง ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไร  ต้องพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง โดยในส่วนของกลุ่มสหวิริยา มีความพร้อมด้านพื้นที่ไว้รองรับอยู่แล้ว

http://www.thanonline.com/images/stories/article2015/3041/201.jpg

-ลากทางรถไฟ9กม.ไปท่าเรือ

นายจักรมณฑ์กล่าวอีกว่า ส่วนการพัฒนาพื้นที่ ภาครัฐกับกนอ.จะลงทุนร่วมกันในรูปแบบไหนก็ต้องมาดูในรายละเอียด เพราะตรงนี้ก็ต้องเห็นใจกลุ่มสหวิริยา ที่เป็นผู้ลงทุนลงแรงมากมาก่อนแล้ว มีที่ดิน มีท่าเรือ ดังนั้น ภาครัฐก็ต้องช่วยในแง่ระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ เข้ามาเสริม เช่น นำรถไฟไปเชื่อมท่าเรือ  วางโครงสร้างถนน และแหล่งน้ำในลักษณะสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำ เป็นต้น

ทั้งนี้ เส้นทางรถไฟจะเริ่มจากสถานีรถไฟบางสะพาน เชื่อมไปที่ท่าเรือน้ำลึกบางสะพาน ระยะทาง 9 กิโลเมตร เป็นเส้นทางรถไฟเพื่อการพาณิชย์ สำหรับขนแร่-เหล็ก  ก็ถือว่าเป็นรายได้เข้ารัฐ คนที่ลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการรถไฟฯ หรือใครก็แล้วแต่ ก็จะได้กำไรเข้ามาอยู่แล้ว  ส่วนท่าเรือต่อไปในอนาคตก็ขยายได้ เพราะมีความลึกที่มีศักยภาพ ปัจจุบันเป็นท่าเรือของเอกชน(กลุ่มสหวิริยา) ถ้ามีการขยายท่าเรือเพิ่มรัฐกับเอกชนอาจจะลงทุนร่วมกันก็ได้

 
-เล็งเชื่อมมะริด-ทวาย

ทั้งนี้ โครงการเวสเทิร์นซีบอร์ดสำหรับอุตสาหกรรมหนักที่บางสะพาน จะสามารถเชื่อมโยงอีสเทิร์นซีบอร์ด ในการขนส่งวัตถุดิบ หรือสินค้าโดยทางเรือ ตัดตรงอ่าวไทย ทำให้มีต้นทุนโลจิสติกส์ที่ถูกกว่าการขนส่งทางราง หรือทางถนน ขณะเดียวกันยังสามารถเชื่อมโยงกับเมียนมาร์ โดยผ่านได้ทั้งช่องทางด่านสิงขร ซึ่งอยู่ห่างจากบางสะพานเพียง 60 กิโลเมตร ไปออกเมืองมะริดริมฝั่งทะเลอันดามัน หรือไปเชื่อมกับโครงการทวายผ่านทางจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นโครงการร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับเมียนมาร์ และอาจมีญี่ปุ่นร่วมด้วย   ดังนั้น การผลักดันให้เกิดเวสเทิร์น ซีบอร์ด ถือว่าเป็นทำเลที่ดีมาก เป็นยุทธศาสตร์ทางการค้าการลงทุนที่สำคัญทางหนึ่ง

-สวัสดิ์เชียร์ขุดคอคอดกระ

ต่อเรื่องนี้นายสวัสด์ หอรุ่งเรือง ประธานกรรมการบริษัท ศรีราชา ฮาร์เบอร์ จำกัด(มหาชน)  กล่าวว่าเห็นด้วยกับนโยบายนี้ แต่จะเป็นประโยชน์มากกว่า ถ้ารัฐจะกล้าลงทุนให้ใหญ่ไปเลย โดยการขุดคลองคอคอดกระ  จะเป็นการพัฒนาท่าเทียบเรือทางภาคใต้ เปิดเส้นทางเดินเรือทะเลเชื่อมฝั่งมหาสมุทรอินเดียจากทะเลอันดามัน มาฝั่งอ่าวไทยไปมหาสมุทรแปซิฟิก โดยไม่ต้องอ้อมไปผ่านสิงคโปร์ ร่นยะยะเวลาขนส่ง 7 วัน จะทำให้ไทยมีความสำคัญในการขนส่งทางทะเลทันที

"ถ้าขุดคอคอดกระได้ขนส่งชายฝั่งแหลมฉบังไปลงระนอง จะเกิดประโยชน์มากกว่า เมื่อเทียบกับใช้พื้นที่ที่บางสะพาน  ที่จะทำได้ไม่ถึงครึ่งทาง และถ้าเลือกทำที่บางสะพานจริง ผมก็มองว่า จะเป็นคนขี้ขลาดตายวันละหลายครั้ง หรือจะคนกล้าตายครั้งเดียว"

เช่นกันนายทวิช เตชะนาวากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอินดัสเตรียล เอสเตท  จำกัด ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมไฮเทค(บ้านหว้า) จ.พระนครศรีอยุธยา เห็นด้วยกับแผนการดังกล่าว  แต่ห่วงว่า การผลักดันโครงการขนาดใหญ่แบบนี้จะต้องใช้เวลา ขณะที่รัฐบาลมีเวลาบริหารประเทศอีกเพียง1 ปี ไม่รู้นโยบายรัฐบาลใหม่จะทำต่อหรือไม่

-สายสีเขียว เซ็นสัญญาแล้ว

อย่างไรก็ดีวันที่ 3 เมษายน 2558 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)  ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงหมอชิต –สะพานใหม่-คูคต กับผู้ชนะการประกวดราคา 4 สัญญา มูลค่าโครงการ 2.87 หมื่นล้านบาท ระยะทาง 19 กิโลเมตร 16 สถานี คาดจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้เดือนมิถุนายน 2558 นี้  และตั้งเป้าเปิดบริการในปี 2563 

ส่วนความคืบหน้าแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายอื่น พล.อ.ยอดยุทธ   บุญญาธิการ ประธานกรรมการ รฟม. เผยว่า สายสีส้ม อยู่ระหว่างเสนอครม. คาดก่อสร้างในปี 2559 สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง อยู่ระหว่างทบทวนการลงทุน คาดขออนุมัติครม.เดือนพฤษภาคม 2558  เริ่มก่อสร้างปี 2560 ส่วนสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงแหวนกาญจนาภิเษก  จะเสนอครม.เดือนสิงหาคม 2558  นอกจากนี้ รฟม.เตรียมพร้อมศึกษาความเหมาะสม เพื่อเตรียมขยายเส้นทางรถไฟฟ้าอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ สายสีน้ำเงินช่วงบางแค –พุทธมณฑล สาย 4 และช่วงพุทธมณฑลสาย 4-อ้อมน้อย และสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี

- ไฟเขียวแอกชันแพลนขนส่ง 8 แสนล.

ขณะที่การประชุมครม.ที่หัวหิน (27มี.ค.2558)  ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนปฏิบัติการคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ.2558(Action Plan) ที่มี 59 โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม 8.476 แสนล้านบาท  ประกอบด้วยโครงข่ายคมนาคมรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โครงการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนในการเดินทางและขนส่งสินค้า

โดยกรอบวงเงินลงทุนตาม Action Plan นี้ จะเป็นเงินลงทุนที่มีแหล่งเงินรองรับ และพร้อมดำเนินการได้ทันทีในปี 2558 นี้ จำนวน 5.598 หมื่นล้านบาท กรอบวงเงินส่วนที่เหลือนั้น จะเป็นวงเงินลงทุนลักษณะผูกพันข้ามปี ตั้งแต่ปี 2559-2565 ที่หน่วยงานรับผิดชอบจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ แผนคมนาคมขนส่งเร่งด่วนข้างต้น ที่จะเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 นี้ ดำเนินการภายใต้กรอบแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ปี 2558-2565 ซึ่งที่ประชุมครม.เห็นชอบในคราวเดียวกันนี้ด้วย  เพื่อใช้เป็นกรอบการลงทุนและการดำเนินงานในระยะเวลา 8 ปีข้างหน้า  วงเงินลงทุนทั้งสิ้น 1.912 ล้านล้านบาท หลังจากที่แผนลงทุนระบบรางด้วยเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง ล้มเลิกไปเพราะขัด รธน.

-เดินหน้า 4 จี

นอกจากนี้ที่ประชุมครม.หัวหิน ยังเห็นชอบ ตามที่คณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  (บอร์ดดิจิทัล อีโคโนมี-ดีอี) มีนโยบายให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกสทช. เปิดประมูลคลื่น 4 จี โดยล่าสุดนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า  กสทช. ได้เตรียมแผนเปิดประมูลโทรศัพท์ระบบ 4 จี ในย่านความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้น หรือราคามูลค่าคลื่นความถี่ที่ 11,600 ล้านบาท ต่อ 12.5 เมกะเฮิรตซ์  จำนวน 2 ใบอนุญาต เปิดประมูลในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558

ส่วนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 11,260 ล้านบาท ต่อ 10 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 2 ใบอนุญาต เปิดประมูลได้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2558   มูลค่าใบอนุญาต 2 ย่านความถี่นี้ รวมกันมีมูลค่าเบื้องต้นอยู่ที่ 45,720 ล้านบาท ซึ่งผู้ประมูลคลื่นความถี่ได้ต้องไปลงทุนระบบเพิ่มเติมอีก  ซึ่งผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ต่างมุ่งมั่นจะลงแข่งขันอย่างคึกคักแล้ว

-ให้เช่าที่รัฐ 99 ปี

ขณะเดียวกันก็เร่งผ่อนคลายเงื่อนไขเพื่อดึงดูดนักลงทุน โดยในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเร่งด่วนและสำคัญของ รัฐบาล มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเป็นประธาน เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา  มีข้อสั่งการว่า  ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ(กนพ.) มีมติ ให้โอนที่ดินในการดูแลของราชการประเภทต่าง ๆ รวมถึงที่ดินของรัฐวิสาหกิจ ในเขตที่ประกาศเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 5 พื้นที่  มาเป็นที่ราชพัสดุ เพื่อเปิดให้เอกชนเช่าจากรัฐต่อไป

โดยการเช่าพื้นที่ของภาคเอกชน ให้เป็นไปตามพ.ร.บ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม พ.ศ.2542 ซึ่งให้สิทธิเอกชนเช่าพื้นที่สูงสุด 50 ปี และขยายเวลาในการเช่าต่อได้อีก 49 ปี รวมสิทธิในการเช่ารวม 99 ปี  ขณะที่ที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ ที่มีนายกฯเป็นประธาน ก็ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุน  กิจการเป้าหมายในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 13 กลุ่ม  ครอบคลุม 61 กิจการย่อย 

ขณะที่นายวิสุทธ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ก็ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกรมธนารักษ์ เจรจาการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) นำที่ดิน 490 ไร่บริเวณบึงมักกะสัน จากที่มี 700 ไร่เศษ มาพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ พื้นที่สีเขียว แก้มลิงรับน้ำ และแบ่งส่วนหนึ่งมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ ซึ่งในส่วนหลังนี้จะให้เอกชนเข้ามาเช่าบริหารระยะยาว 99 ปี โดยตามแผนร.ฟ.ท.คาดจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท  จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,041  วันที่  5 - 8  เมษายน  พ.ศ. 2558

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.