สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ดัชนีเชื่อมั่นต่ำสุดรอบ 9 เดือน:มองบวกใช้ ม.44 เรียกเชื่อมั่นดูดเงินท่องเที่ยว
04/04/2015
ข่าวเศรษฐกิจ

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคมต่ำสุดในรอบ 9 เดือน และปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ระดับ 67.1 คาดรัฐเลิกกฎอัยการศึก แม้จะใช้มาตรา 44 จะส่งผลให้การท่องเที่ยวฟื้นตัว บริษัทประกันจะรับประกันคนที่มาเที่ยวเมืองไทย และทำให้ครึ่งหลังของปีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยเดือนมีนาคม สำรวจจาก 2,232 ตัวอย่าง พบว่าดัชนีเดือนมีนาคมลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากระดับ 68.4 ในเดือนที่แล้วมาอยู่ที่ 67.1 นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน และความเชื่อมั่นทุกด้านยังต่ำลงต่อเนื่องจากที่ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยว กับความผันผวนเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ส่งผลการส่งออกขยายตัวต่ำกว่าที่คาด ขณะที่การเบิกจ่ายภาครัฐล่าช้า สินค้าเกษตรตกต่ำ แม้ราคาน้ำมันลดลง แต่เนื่องจากเงินในกระเป๋าของประชาชนไม่เพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย อย่างไรก็ตามจากที่รัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึก แม้จะใช้มาตรา 44 ในการดูแลความมั่นคงและเศรษฐกิจก็เชื่อมั่นว่าจะส่งผลให้การท่องเที่ยวฟื้นตัว เพราะบริษัทประกันจะรับประกันคนที่มาเที่ยวเมืองไทย ทำให้ครึ่งหลังของปีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากที่รัฐเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนและชะลอการจัดเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ลดอัตราภาษีมรดก รวมถึงใช้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาช่วยเหลือรากหญ้า หากทำได้ดีก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังดีขึ้น โดยทางศูนย์ฯ จะแถลงประเมินจีดีพีไทยวันที่ 16 เม.ย.นี้ จากเดิมคาดจีดีพีไทยขยายตัวร้อยละ 3-3.5 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 0-1

“ภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในภาวะเงินฝืด แม้เงินเฟ้อติดลบ แต่หากเศรษฐกิจไตรมาส 2 ยังไม่ดีขึ้นทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจจะต้องพิจารณาลดดอกเบี้ยลงอีกร้อยละ 0.25 ในไตรมาส 3”

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจปัจจุบันต่ำสุดในรอบ 9 เดือน โดยลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ 55.6 มาสู่ระดับ 55.3 ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตภายใน 6 เดือนข้างหน้าลดลงจาก 80.3 มาอยู่ที่ระดับ 78.9 ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับโอกาสหางานทำปรับลดลงต่อเนื่องเป็น เดือนที่ 3 จาก 73.2 เหลือ 72 ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวรายได้ในอนาคตลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จาก 95.8 มาอยู่ที่ 94.0 ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน

นอกจากนี้ ดัชนีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์คันใหม่/บ้านหลังใหม่/ดัชนีความเหมาะสมใน การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวก็ปรับลดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยดัชนีรถยนต์จาก 98.6 เหลือ 97.5 ส่วนบ้านใหม่ลดลงจาก 73 มาอยู่ที่ 71.5 ส่วนดัชนีท่องเที่ยวลดลงจาก 74.4 มาอยู่ที่ 71.4 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นสถานการณ์ทางการเมืองก็ลดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดยอยู่ระดับ 94

 “รัฐต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นให้ได้ในไตรมาส 2 หากความเชื่อมั่นลดลงก็จะกระทบต่อการใช้จ่ายและภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและจากที่ ดัชนีความเชื่อมั่นการเมืองลดต่ำใกล้เคียงกับช่วงก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้า มาก็เป็นเรื่องที่น่าจะต้องมาดูจุดนี้ด้วย โดยทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ จะมีการสำรวจความเชื่อมั่นการใช้จ่ายช่วงสงกรานต์และความเชื่อมั่นหอการค้า ทั่วประเทศก็คาดว่าจุดนี้จะวัดเศรษฐกิจได้” นายธนวรรธน์ กล่าว

ด้านนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้กับผู้บริหารกรมธนารักษ์เจรจากับ รฟท. วันที่ 8 เม.ย.58 เพื่อนำที่ดินบริเวณสถานีรถไฟมักกะสัน พื้นที่ 490 ไร่ จากทั้งหมดบริเวณดังกล่าว 700 ไร่ เพื่อนำมาพัฒนาเกิดประโยชน์ มีทั้งสวนสาธารณะ พื้นที่สีเขียว พื้นที่แก้มลิงรองรับปัญหาน้ำท่วม กทม. และการสร้างอาคารในเชิงพาณิชย์ จากเดิมนโยบายของรัฐที่ผ่านมาเน้นสร้างเป็นอาคารเชิงพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่

สำหรับการบริหารพื้นที่ เบื้องต้นเปิดให้เอกชนเข้ามาบริหาร เช่น ระยะยาวอาจถึง 99 ปี หรืออาจให้มีระยะสั้นกว่านั้นแล้วแต่การเจรจา เพื่อนำรายได้มาหักล้างกับการชดใช้ภาระหนี้ให้กับ รฟท. จากปัจจุบันมีภาระหนี้ทั้งหมด 110,000 ล้านบาท เป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังรับผิดชอบดูแลประมาณ 80,000 ล้านบาท และเป็นภาระหนี้ที่ รฟท.รับผิดชอบอีกส่วนหนึ่ง จึงต้องเจรจายอดรวมการหักลบกลบหนี้ว่าจะเป็นเท่าใด เพื่อกำหนดแผนการลงทุนและพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ เตรียมที่ราชพัสดุรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีพื้นที่ประมาณ 12 ล้านไร่นำมาใช้ประโยชน์ จึงนำพื้นที่บางส่วนพัฒนารองรับพื้นที่อุตสาหกรรม

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ได้กำชับให้กรมธนารักษ์เร่งรัดติดตามภาระหนี้จากรัฐวิสาหกิจและเอกชน ซึ่งค้างชำระหนี้จากการเช่าที่ราชพัสดุ เช่น อีสวอเตอร์ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ซึ่งค้างหลายร้อยล้านบาท หากบริหารจัดการทรัพย์สินให้มีประสิทธิภาพจะสร้างรายได้เข้าคลัง จากปัจจุบัน 4,000-5,000 ล้านบาทเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งเตรียมนำที่ราชพัสดุปรับเป็นพื้นที่จุดพักรถ ร้านค้า ห้องน้ำ ร้านอาหารริมทาง จำนวน 41 จุดทั่วประเทศตามถนนสายหลัก เพื่อให้บริการประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาล  

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.