เงินเฟ้อ มี.ค. ติดลบ 0.57% ต่ำสุดรอบ 5 ปี 6 เดือน "พาณิชย์" ปัดไม่ใช่ภาวะเงินฝืดแม้มีสัญญาณติดลบต่อเนื่อง 6 เดือน เหตุคนยังซื้อสินค้าและผู้ประกอบการไม่ได้ลดกำลังการผลิต

นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน มี.ค. 2558 เท่ากับ 106.33 ลดลง 0.57% เทียบกับ มี.ค.2557 ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เดือนในปีนี้ และยังติดลบสูงสุดในรอบ 5 ปี 6 เดือน แต่หากเทียบกับเงินเฟ้อในเดือน ก.พ. 2558 สูงขึ้น 0.17% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.) 2558 เงินเฟ้อลดลง 0.50% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สาเหตุทำให้เงินเฟ้อลดลง 0.57% เป็นผลจากดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.53% สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ลด 19.49% ค่าการสื่อสาร ลด 0.03% นอกนั้นราคาปรับขึ้น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าหอพัก เพิ่ม 1.34% ค่าโดยสารสาธารณะ เพิ่ม 1.53% เหล้า บุหรี่ เพิ่ม 1.52% เป็นตัน ส่วนดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 1.25% สินค้าสำคัญราคาสูงขึ้น เช่น อาหารบริโภคนอกบ้าน (อาหารปรุงสำเร็จ) เพิ่ม 3.27% อาหารบริโภคในบ้าน เพิ่ม 2.18% เครื่องประกอบอาหาร เพิ่ม 2.53% ผักสด เพิ่ม 2.77% เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อแยกเป็นรายการสินค้า 450 รายการที่คำนวณในอัตราเงินเฟ้อ พบว่ามีสินค้าราคาสูงขึ้น 149 รายการ คิดเป็นสัดส่วน 33.11% สินค้าที่ราคาเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในหมวดบริการ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าทำผม ค่ายาค่าเจาะเลือด เป็นต้น สินค้าที่ราคาลดลง 92 รายการ คิดเป็นสัดส่วน 20.44% และสินค้าที่ราคาคงที่ 209 รายการ คิดเป็นสัดส่วน 46.45%
สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 2 ยังคงลดลงต่อเนื่อง คาดว่าติดลบ 0.5 ถึง ลบ 0.7% หลังจากนั้นเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะทยอยสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อทั้งปียังคงคาดการณ์เพิ่มขึ้นในกรอบ 0.6-1.3% ภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจไทยปี 2558 ขยายตัว 3-4% น้ำมันดิบตลาดดูไบเฉลี่ย 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 32-34 บาท/เหรียญสหรัฐ
นายสมเกียรติกล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อที่ติดลบไตรมาส 2 และอาจทำให้เงินเฟ้อติดลบในช่วงครึ่งปีแรก หรือต่อเนื่อง 6 เดือน ยืนยันว่าไม่ใช่ภาวะเงินฝืด เพราะเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงเป็นไปตามกลุ่มพลังงานที่ปรับราคาลงมาก ทำให้ต้นทุนของสินค้าปรับราคาลงตาม ไม่ใช่เป็นเพราะประชาชนไม่ซื้อสินค้าและผู้ประกอบการไม่ยอมผลิตสินค้าขาย อีกทั้งเมื่อดูอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งหักสินค้าในกลุ่มพลังงานและอาหารสดออกไป ยังพบว่าปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 1.31% แสดงว่าคนยังมีกำลังซื้ออยู่
"การจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด คงดูที่ตัวเลขเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องอย่างเดียวไม่ได้ แต่ภาวะเงินฝืดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนไม่คิดจะซื้อสินค่า คนขายของจึงต้องลดราคาสินค้าลงไป และยังไม่มีคนซื้ออีก ถ้าเข้าสู่ภาวะนั้นจะเห็นภาพเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงกว่านี้ เหมือนกับปี 2552 ที่เงินเฟ้อก็ติดลบต่อเนื่อง 6-7 เดือน แต่ก็ไม่ได้เกิดเงินฝืด ซึ่งสาเหตุที่เงินเฟ้อติดลบขณะนั้น เป็นผลจากรัฐบาลมีมาตรการเยอะมากที่จะทำให้ราคาสินค้าและพลังงานลดลง" นายสมเกียรติกล่าว