
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มมองเห็นทิศทางที่ดีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย 3 เรื่อง คือ 1.การลงทุนภาครัฐที่เริ่มขยับได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการอนุมัติการกู้เงินของรัฐบาล เพื่อเร่งลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำและระบบขนส่งทางถนน วงเงิน 80,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเห็นผลการเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ 2.ความชะงักงันจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง โดยเฉพาะภาระการผ่อนชำระหนี้จากโครงการรถยนต์คันแรก ค่อยๆลดลงเรื่อยๆไปจนถึงช่วงสิ้นปีนี้ และจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนได้อีกครั้ง เมื่อรวมกับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากผลของราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่องมาแล้ว ระยะหนึ่ง และ 3.การปรับตัวของภาคเกษตร หลังจากที่รายได้ของเกษตรกรไทยลดลงต่อเนื่อง และขณะนี้เริ่มเห็นการเคลื่อนย้ายแรงงานจากภาคการเกษตร เข้ามาสู่แรงงานนอกภาคการเกษตร เพื่อทดแทนการขาดแคลนแรงงานในบางกลุ่มอุตสาหกรรม
“การเคลื่อนย้ายแรงงานจากภาคการเกษตรสู่ภาคนอกภาคการเกษตร นอกจากจะช่วยการขาดแคลนแรงงานแล้ว ยังช่วยให้ครัวเรือนมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มการอุปโภคบริโภคในประเทศได้อีกทางหนึ่ง”
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนนั้น ถือเป็นอีกส่วนที่ช่วยยกระดับของเศรษฐกิจไทยไปสู่การขยายตัวที่ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลตระหนักถึงการลงทุนภาคเอกชน โดยลดปัญหาและอุปสรรคการลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์ของสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อีกทั้งนโยบายการเงินของไทย ยังเอื้อต่อการลงทุน และเชื่อว่าการลงทุนของเอกชนค่อยๆปรับตัวดีขึ้นตามความ มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โดยเชื่อว่าหลังจากการเร่งลงทุนของภาครัฐ และการปฏิรูปประเทศมีผลระดับหนึ่ง ความเชื่อมั่นของการลงทุนเอกชนจะกลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ.