"ประยุทธ์" เทกระจาด 65,000 ล้าน สั่งอุ้มเอสเอ็มอี ครม.อนุมัติ 10 มาตรการช่วยสารพัด ทั้งปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 15,000 ล้านบาท และให้ บสย.ค้ำประกันเพิ่มอีก 50,000 ล้านบาท ต่อลมหายใจผู้ประกอบการ 38,000 ราย

พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ว่ารัฐบาลมีมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาด ย่อม(SMEs) โดยเฉพาะการช่วยเหลือให้เข้าถึงแหล่งทุนเพื่อให้มีเงินในการพัฒนาปรับปรุง กิจการให้พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของผู้กู้ที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่มีหลัก ประกันหรืออยู่ในกลุ่มที่ธนาคารกังวลว่าจะเกิดหนี้เสีย(NPL)รัฐบาลก็จะเข้า ไปดูแลรวมทั้งสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม(สสว.)เข้าไปจัดทำแผนพัฒนาเอสเอ็มอีต่อไป
ร.อ.ยงยุทธมัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบโครงการช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กขย.)เสนอประกอบไปด้วย 10 มาตรการ ได้แก่
1.โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policyloan)โดยให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาและขนาดย่อม(เอสเอ็มอีแบงก์) ปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 15,000 ล้าน บาทโดยให้รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้กับเอสเอ็มอีแบงก์ซึ่งสินเชื่อส่วนนี้จะมี การพิจารณาปล่อยให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีประวัติแบคลิสต์ในเครดิตบิ วโรด้วย
2.โครงการ MachineFund เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและกระบวนการผลิตให้กับเอสเอ็มอี
3.มาตรการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐสามารถผ่อนปรนการวิเคราะห์สินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีที่มีประวัติแบคลิสต์ในเครดิตบิวโรได้
4.มาตรการ ผ่อนปรนการปฏิบัติตามมติคณะกรรมการนโยบายกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจที่ให้เอสเอ็ม อีแบงก์ปล่อยกู้แก่ลูกค้าซึ่งขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมไม่เกิน50 ล้านบาทต่อรายและลูกค้ารายใหม่ที่มีศักยภาพไม่เกิน 50ล้านบาทต่อราย
5.มาตรการ เพิ่มวงเงินที่รัฐบาลชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีในปี แรกเพื่อช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถได้รับสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้เพียง พอต่อการดำเนินธุรกิจ6.มาตรการชะลอการโอนอำนาจกระทรวงการคลังเพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ(SFIs)ออกไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว 7.มาตรการทบทวนกำหนดตัวชี้วัด SFIsให้สอดคล้องกับการดำเนินการพันธกิจเพื่อให้ชี้วัดจากผลกำไรเป็นหลัก8.โครงการขยายสาขาของเอสเอ็มอีแบงก์ให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค9.โครงการจัดตั้ง Websiteเพื่อสร้างช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศและกลุ่มอาเซียน+6 และ 10.โครงการศูนย์ให้บริการธุรกิจเอสเอ็มอีแบบครบวงจรเพื่อกระจายการให้บริการส่งเสริมให้เอสเอ็มอีทั่วประเทศเข้าสู่การช่วยเหลือของรัฐ
นอกจากนี้ยังอนุมัติให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันธุรกิจของเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นอีก 50,000 ล้านบาทจากเดิมที่มีการอนุมัติไปแล้ว50,000 ล้าน บาทเพื่อให้การสนับสนุนการค้ำประกันสินเชื่อของเอสเอ็มอีเพิ่มเติมหลังจาก ที่วงเงินเดิมมีเอสเอ็มอีมาขอใช้การค้ำประกันสินเชื่อแล้วกว่า19,000 ราย และเหลือวงเงินในการค้ำประกันเพียง 4000 ล้านบาทซึ่งการได้รับวงเงินในการค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มขึ้นอีก 50,000 ล้านบาทจะช่วยให้บสย.สามารถให้การค้ำประกันเอสเอ็มอีได้เพิ่มขึ้นอีก 19,000 รายรวมเป็น 38,000 รายตามเป้าหมายในปี 2558ที่ บสย.วางไว้