สศค.ประเมินตลาดสหรัฐฯ-กลุ่ม CLMV ยังหนุนภาคส่งออกทั้งปี-คงเป้า 1.4% แม้ม.ค.รูดติดลบ3.46% เผยสัญญาณการท่องเที่ยวและการจัดเก็บภาษีแวตส่งผลให้การอุปโภคและบริโภคภาย ในประเทศสดใส/ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงอยู่ที่ 69.7 ส่วนหนึ่งมาจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจโดยรวมยังช้า

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยถึงแนวโน้มการส่งออกว่า ปีนี้การส่งออกยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลางที่มีปัญหาราคาน้ำมัน ขณะที่ประเทศที่มีปัจจัยบวกต่อการส่งออกปีนี้ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินโดจีน และกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) ซึ่งทั้งปีสศค.ยังคงเป้า 1.4% แม้เดือนมกราคมสินค้าส่งออกหดตัวที่ติดลบ 3.46% ซึ่งเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ปี
ส่วนภาวะเศรษฐกิจในเดือนมกราคมปีนี้มีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 4 ปีก่อนที่ขยายตัว 2.3% ทำให้ทั้งปี 2557 จีดีพีขยายตัว 0.7% โดยการบริโภคภายในประเทศ ทั้งยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ขยายตัวดีขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ประกอบกับมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล เช่น การเบิกจ่ายงบลงทุนที่ล่าช้าในเดือนตุลาคม 2557 - มกราคม 2558 ขณะนี้เริ่มมีการทำสัญญาและประมูลงานได้มากขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม นี้ รวมถึงยังมีงบลงทุนของรัฐเพิ่มเติมเพื่อซ่อมสร้างและบูรณะถนนทั่วประเทศ 4 หมื่นล้านบาท และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำอีก 2 แสนล้านบาท และการเพิ่มทุนให้แก่กองทุนหมู่บ้าน อีกหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท จำนวน 1.8 หมื่นหมู่บ้าน จากยอดคงค้าง 2.5 หมื่นหมู่บ้าน ดังนั้นสศค. ยังคาดการณ์จีดีพีทั้งปีนี้ ขยายตัวไว้ที่ 3.9%
สำหรับยอดการจัดเก็บภาษีแวตจัดเก็บบนฐานการบริโภคภายในประเทศ ณ ราคาคงที่ ปรับเพิ่มขึ้น 9.5% ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า สามารถขยายตัวได้ 6.8% ต่อเดือน ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถ จักรยานยนต์ กลับมาขยายตัวเป็นบวกเป็นเดือนแรกที่ระดับ 14.5% ต่อปี ตามการปรับตัวดีขึ้นของยอดขายรถจักรยานยนต์ในกรุงเทพฯ เป็นสำคัญ แต่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 69.7 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากประชาชนยังมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมยังฟื้น ตัวได้ช้า และราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนภาคเอกชน ยังคงชะลอตัว โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้างสะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ ติดลบ -5.8% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยมีสาเหตุมาจากการเร่งโอนอสังหาริมทรัพย์ กรณีที่รัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายที่สำคัญ 2 ฉบับคือ ภาษีมรดกและ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุนหักเครื่องบินเรือและรถไฟหดตัวที่ลบ -4.5% ต่อปี
ด้านนางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สศค. กล่าวว่า เสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศในเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคง สามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ ในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป หดตัวลบ 0.4% ต่อปี ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ตามการลดลงของราคาน้ำมันดิบโลก เป็นสำคัญ
ส่วนอัตราการว่างงานในเดือนม.ค.อยู่ที่ 1.1% ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 4.04 แสนคน สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศ ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่ 1.55 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 2.7 เท่า ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแต่ตัวเลขกำลังอยู่ระหว่างการรวบ รวมจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,031 วันที่ 1 - 4 มีนาคม พ.ศ. 2