ธปท.ชี้ไตรมาส4หนุนจีดีพีทั้งปีเป็นไปตามเป้า "คลัง"สบช่องกระหน่ำ แพ็กเกจของขวัญปีใหม่ เข้าครม. 9 ธ.ค.นี้ เร่งกระตุ้น รับ สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นชัด มีนาคมปีหน้า นักเศรษฐศาสตร์จับตาปัจจัยหนุนจีดีพีปีหน้าทั้ง ท่องเที่ยว-ส่งออก-ลงทุนภาครัฐต้องมาทั้งขบวน
กรณีตัวเลขเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 2 เดือนคือพฤศจิกายน และธันวาคม ทั้งภาครัฐ เอกชน แม้กระทั่งสำนักพยากรณ์ต่างฝากความหวังในไตรมาสสุดท้ายจะมีอัตราการขยายตัว ตั้งแต่ 1-4% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั้งปีหรือจีดี พีขยายตัวที่ประมาณ 1% หรือ 1.5% เห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานเศรษฐกิจภาครัฐส่ง สัญญาณเช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)หรือสภาพัฒน์คาด การณ์ไตรมาสสุดท้ายจะต้องขยายตัวไม่ต่ำกว่า 1% จึงทำให้จีดีพีทั้งปีอยู่ที่ 1%(17พ.ย.57) ปรับลดลงจาก 1.5-2.0%(18ส.ค.57) และคาดภาคส่งออกทั้งปีขยายตัวที่ 0% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ลุ้นไตรมาสสุดท้ายจะขยายตัวได้ถึง 4% จีดีพีทั้งปีจะเติบโต 1.4% และกระทรวงพาณิชย์ระบุตัวเลขส่งออกเดือนตุลาคมฟื้นตัวต่อเนื่องโดยมูลค่าส่ง ออกภาพรวมขยายตัวในอัตราที่ 3.97% สูงที่สุดในรอบ 21 เดือนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนต่อเนื่องจากเดือนกันยายนที่ขยาย ตัว3.19% สะท้อนการฟื้นตัวส่งออกไทยที่ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายแล้ว

ล่าสุด นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจในเดือนตุลาคม 2557 โดยระบุว่าในภาพรวมเศรษฐกิจปรับดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาทุกสาขา การฟื้นตัวภาคเอกชนมีความต่อเนื่องโดยเฉพาะในหมวดสินค้าไม่คงทน และสินค้าในกลุ่มบริการ ซึ่งการลงทุนเห็นสัญญาณมากขึ้นทั้งการก่อสร้าง และการลงทุนในกลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์ ด้านภาครัฐสะท้อนการเร่งเบิกจ่ายได้มากขึ้น ส่วนสินค้าส่งออกปรับตัวได้ดีขึ้น โดยหลักมาจากสหรัฐฯและตลาดอาเซียน อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากปัจจัยชั่วคราวจากการนำเข้าของกลุ่มอียูก่อนจะยก เลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษี (GSP)ในสินค้าเครื่องหนัง รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งแนวโน้มการส่งออกทั้งปีน่าจะใกล้เคียงประมาณการไว้ที่ระดับ 0%โดยมีโอกาสที่จะติดลบน้อยลงจากเดิมที่ธปท.คาด
"ส่วนกำลังซื้อเห็นภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยยอดที่อาศัยใหม่จะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯระดับบนขึ้นไป เช่น ราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป อัตราการจองซื้อที่อยู่อาศัยดีขึ้น สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนด้านก่อสร้างที่มีสัญญาณดีขึ้น ทั้งอาคารชุดตามแนวรถไฟฟ้า และการขยายสาขาในเขตภูมิภาคของธุรกิจโมเดิร์นเทรดต่างๆ"
โดยมีมูลค่า 1.98หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยขยายตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อน 4.1% ซึ่งหากหักทองคำออกจะขยายตัวที่ 5.6%
" CLMV เป็นตลาดที่ดีอยู่แล้ว แต่ตลาดสหรัฐฯและอาเซียนนั้นเริ่มเห็นความต้องการกระเตื้องขึ้น แต่ตลาดที่ยังไม่ดีนักเช่น ตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น สำหรับการส่งออกที่ดี มาจากในประเทศที่กำลังซื้อในระดับบนที่ยังดีอยู่ และโดยรวมยังมีการลงทุน มีกิจกรรมจากภาครัฐเข้ามาทำให้การผลิตโดยรวมมีทิศทางที่ขึ้น แต่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของ ธปท.ในหลายหมวดสำคัญ ถ้าเทียบปีต่อปียังติดลบ แต่เป็นการติดลบที่น้อยลงอย่างต่อเนื่อง"
ขณะที่การท่องเที่ยวนั้นเป็นเดือนแรกที่สามารถขยายตัวได้ 6.6%เป็นบวก หลังจากติดลบมาตลอด 9เดือน จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวเป็นบวก โดยอยู่ที่ประมาณ 2.2 ล้านคน ซึ่งมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน และมาเลเซีย เป็นสำคัญ แต่ยังไม่เห็นการฟื้นตัวในกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป และสหรัฐฯ
"ในภาพรวมจึงเป็นเดือนที่ตัวเลขออกมาค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตามหากมองการฟื้นตัวโดยรวมก็ยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้น หากมองอุปสงค์จากเศรษฐกิจโลกก็เริ่มมีตลาดที่ทิศทางกระเตื้องขึ้น อีกทั้งหากการท่องเที่ยวดีขึ้นก็จะช่วยด้วย ขณะที่ในประเทศเองก็เริ่มเห็นภาครัฐที่สามารถขับเคลื่อนได้มากขึ้น หากสามารถทำได้ต่อเนื่องในไตรมาสที่ 1/2558 ก็จะได้รับอานิสงส์เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของเอกชนปัจจุบันก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น"
ส่วนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้น จากการที่ตัวเลขเดือนตุลาคมปรับตัวดีขึ้น การฟื้นตัวโดยรวมยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งควรที่จะมีการปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 4/2557 น่าทำให้มีโอกาสเป็นไปตามที ธปท. คาดการณ์ไว้
ด้านนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เตรียมแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 9 ธันวาคมนี้ และจะประกาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งมาตรการของคลัง ที่พิจารณามีอะไรบ้าง ก่อนหน้า นายสมหมาย กล่าวว่า จะทำเป็นแพ็กเกจที่สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย หนึ่งในนั้น คือ เรื่องนาโนไฟแนนซ์ ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาหนี้นอกระบบด้วยการปล่อยกู้คนจนรายละ 1.2 แสนบาท ดอกเบี้ยไม่เกิน 36%
ดร.เชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เวลาที่เหลือไม่ถึง 2 เดือน คงไม่มีปัจจัยใดมาสนับสนุนการเติบโตได้ทัน จึงต้องยอมรับว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) คงไม่ถึง 1.5% อย่างไรก็ดี ต้องติดตามตัวเลขในไตรมาสที่ 4 จะฟื้นตัวได้มากน้อยระดับใด
สำหรับปี 2558 ทุกคนประมาณการว่าจะเติบโตได้ที่ 4% ซึ่งก็ต้องรอดูสถานการณ์ว่าจะสามารถเติบโตได้ในระดับดังกล่าวหรือไม่ โดยปัจจัยหลักที่ต้องเฝ้าติดตาม คือ 1.ความคืบหน้าของโครงการภาครัฐ จะมีแนวโน้มการเบิกจ่ายงบประมาณ และสามารถดำเนินการโครงการได้ตามเป้าหมายหรือไม่ แม้ว่าตัวเลขเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้จริงจะเป็นในปี 2559-2560 แต่ในปี 2558 จะมีเม็ดเงินโครงการต่อเนื่องเข้าสู่ระบบบางส่วน และ 2.ตัวเลขการส่งออก จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งศูนย์วิจัยฯ ประเมินว่าจะขยายตัวได้ที่ระดับ 3.5% ส่วนภาคการบริโภคสัญญาณจะดีมากกว่าปีนี้ แต่ก็ยังคงติดปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เป็นปัจจัยกดดันอยู่ ดังนั้น การฟื้นตัวในปี 2558 จะมาจากแรงดันทั้งภาคการส่งออกและการลงทุนภาครัฐ นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า แนวโน้มข้างหน้ายังมีปัจจัยลบมาก ขณะที่การบริโภคเอกชนด้านสินค้าคงทนหรือการลงทุนเอกชนยังไม่ฟื้นเต็มศักยภาพ ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับโครงการลงทุนภาครัฐที่จะเกิดขึ้นปีหน้า ดังนั้นมองว่าปัจจัยบวกปีหน้าทั้งภาคการท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศและการลงทุนภาครัฐต้องมาพร้อมกันทั้ง 3ด้านจึงจะเกื้อหนุนให้เศรษฐกิจไทยไปได้สวย ทั้งนี้ตัวเลขเดือนตุลาคมที่ออกมาแม้หลายดัชนีฟื้นตัวดีแต่ยังไม่ยอดเยี่ยม แม้กระทั่งภาคการส่งออกที่ขยับตัวดีขึ้น เหล่านี้ต้องพิจารณาด้วยว่าเป็นการปรับตัวที่ดีขึ้นเฉพาะช่วงเข้าสู่ฤดูกาล หรือไม่
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 3,005
วันที่ 30 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557