
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ภาพรวม 10 เดือนแรกปี 2557 หดตัว 5.1% โดยเดือนตุลาคม 2557 หดตัวน้อยลง 2.9% ทั้งนี้อุตสาหกรรมที่ทำให้ลดลง
ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ซึ่งมีฐานที่สูงในปีก่อนหน้า,อุตสาหกรรมเครื่องประดับ ที่ชะลอตัวตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก, อุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมัน ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ และอุตสาหกรรมเบียร์
ทั้งนี้ สศอ.ได้สรุปตัวเลข MPI ปี 2557 นี้หดตัว 4% ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) ภาคอุตสาหกรรมหดตัว 1.5-2%โดย MPI และ GDPอุตสาหกรรมหดตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ซึ่งการหดตัวอยู่ที่ 3.25% และ 0.1% ตามลำดับ สาเหตุหลักมาจากช่วงต้นปีเกิดปัญหาการเมืองยืดเยื้อ จนส่งผลต่อกำลังซื้อในประเทศ ก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าบริหาร ประกอบกับการส่งออกติดลบต่อเนื่องหลายเดือน จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวล่าช้าจากประเทศยูโรโซนและญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังมาจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของภาคอุตสาหกรรมประเทศที่ยอดขายในประเทศตกต่ำ จากกำลังซื้อที่ถูกใช้ไปแล้วจากโครงการรถคันแรก จึงส่งผลต่อการผลิตในภาพรวมด้วย
“เฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์เพียงกลุ่มเดียวมีผลกระทบต่อ MPI และดัชนีอุตสาหกรรม ซึ่งตัวเลขผลิตรวมปี 2557 นี้
น่าจะอยู่ที่ 1.95 ล้านคัน ลดลงจากปี 2556 คิดเป็น 20.6% ปัญหาหลักมาจากยอดขายในประเทศเหลือเพียง8.5 แสนคัน ลดลง 35.9% ขณะที่ส่งออกเพิ่มขึ้น 2.5% อยู่ที่ 1.1 ล้านคัน ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์มีสัดส่วนส่งออก 15% จากการส่งออกรวม มีสัดส่วนใน GDP อุตสาหกรรม 10% ยอดผลิตที่ลดลงมากในปี 2557 ทำให้ GDP ลดลง 2-3%”นายอุดม กล่าว
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมไทยในปี 2558 คาดว่าจะมีการขยายตัวที่ดีขึ้น โดย GDP อุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 2-3% ส่วน MPI ขยายตัว 3-4% จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก การฟื้นตัวของการลงทุนในประเทศ ทั้งจากโครงการภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน
อย่างไรก็ตามในปี 2558 ต้องติดตามยอดขอส่งเสริมการลงทุนว่าจะเป็นอย่างไร เพราะมีทั้งปัจจัยบวกคือ เศรษฐกิจไทยและโลกฟื้นตัว แต่มีปัจจัยลบ คือ ผลจากการประกาศยุทธศาสตร์ลงทุน 7 ปี ฉบับใหม่ ที่เน้นโครงการคุณภาพมากกว่ามูลค่าลงทุน ขณะที่ปี 2557 นี้คาดว่ายอดขอส่งเสริมการลงทุนน่าจะถึง 1 ล้านล้านบาท เพิ่มจากเป้าหมาย 7 แสนล้านบาท นอกจากนี้อุตสาหกรรมไทยในปี 2558 ยังมีปัจจัยจากการปรับฐานสู่ภาวะปกติของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่คาดว่ายอดผลิตจะ กลับมาอยู่ที่ 2.15 ล้านคัน ขยายตัว 10% การลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก