
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นจากประมาณ 3.2% ในปี 2557 โดยในปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ประมาณ 3.6% ส่งผลให้การส่งออกไทยในปี 2558 เชื่อว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 4% อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากตลาดยุโรป อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงตลาดญี่ปุ่นที่มีอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ ส่วนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ในปีหน้าจะเติบโตได้ประมาณ 4-5% เป็นผลจากการส่งออก การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การปรับโครงสร้างภาษี การปรับขึ้นเงินเดือนของข้าราชการ ขณะที่ค่าเงินบาทในปีหน้ามองว่าจะอ่อนค่าประมาณ 31-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังค่าเงินสหรัฐแข็งค่าขึ้น สำหรับการส่งออกในปี 2557 เชื่อว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 0.5-1%
ทั้งนี้ รัฐบาลและภาคเอกชนควรเร่งการใช้สิทธิประโยชน์ในกรอบภาษี FTA เพิ่มมากขึ้น พร้อมผลักดันการลงทุนการค้าชายแดน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและชดเชยการส่งออกในปีหน้าให้เพิ่มมากขึ้น
นายอัทธ์ กล่าวว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า 2558-2562 หลังการเปิดการค้าเสรีอาเซียน-จีน ไทยจะเสียประโยชน์จากการส่งข้าวสารไปยังตลาดจีน เนื่องจากส่วนแบ่งตลาดของไทยจะลดลง โดยประเทศเวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์ จะเป็นคู่แข่งสำคัญที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดการส่งออกข้าวไปจีน และอาจทำให้ไทยสูญมูลค่าการส่งออกข้าวประมาณ 14,654 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งส่วนแบ่งการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์จะลดลงเช่นกัน
โดยจะเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และอาจทำให้ไทยสูญการส่งออกสูงถึง 198,734 ล้านบาทต่อปี ขณะที่การส่งออกมันสำปะหลังไปจีนใน 5 ปีข้างหน้าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีมูลค่าประโยชน์ที่ได้รับประมาณ 14,537 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตามข้อเสนอแนะว่า จากนี้รัฐบาลควรเร่งประสานผู้ประกอบการ รวบรวมจัดสถานที่ตั้งเป็นศูนย์กระจายสินค้าไทยตามเมืองสำคัญของจีน พร้อมศึกษาพฤติกรรมและรสนิยมผู้บริโภค ให้ความสำคัญกับมาตรฐานและตราสินค้าไทย พร้อมปรับรูปแบบการทำตลาดเชิงลึก เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางการส่งออกไปจีน
สำหรับการเปิดการค้าเสรีอาเซียน-จีน หรือ FTA โดยการเริ่มลดภาษีลงเหลือ 0% จะส่งผลให้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ 2558-2562 ไทยจะมีส่วนแบ่งตลาดในจีน ลดลงเหลือ 18.2% จากปัจจุบันอยู่ที่ 20.2% จากการที่ตลาดของประเทศในกลุ่ม CLMV จะขยายตัวมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันไทยมีมูลค่าส่งออกไปตลาดจีนอันดับที่ 2 ของอาเซียน แต่ในอีก 5 ปีข้างหน้าไทยจะมีมูลค่าส่งออกเป็นอันดับที่ 4 รองจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นประเทศที่มีมูลค่าส่งออกไปตลาดจีนมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน ถัดมาคือ อินโดนีเซีย เวียดนาม ตามลำดับ