
นายจิรเทพ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศหลัก ซึ่งมีผลต่อตลาดการเงินโลกและตลาดการเงินของไทยในช่วงนี้ว่า จากการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก ล่าสุด ในช่วงที่ผ่านมา ธปท. คาดว่าการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยังคงอยู่ในทิศทางผ่อนคลายต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายการเงินใหม่ๆ แบบนอกกรอบเดิมเพื่ออัดฉีดเงินเข้าระบบเพิ่มมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ยัง อ่อนแอและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ชัดเจนต่อเนื่องว่า อยู่ในทิศทางขาขึ้น หรือมีนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายน้อยลง ทำให้มีวัฏจักรของนโยบายอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันอย่างชัดเจนขึ้น
“นโยบายที่แตกต่างกันชัดเจนของเศรษฐกิจหลักนี้ อาจจะส่งผลให้ตลาดเงินของเอเชียมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ และที่ผ่านมา ธปท.ก็ได้มีการเตรียมมาตรการรับมือและคิดว่ามาตรการเดิมที่มีอยู่ยังเพียงพอ ต่อการรับมือความผันผวน นอกจากนั้น พื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีของเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่รวมทั้งประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบของความผันผวนของเงินทุนได้พอควร”
ขณะที่ความเห็น ธปท.ต่อข้อถามในเรื่องการที่ตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขออนุญาตกระทรวงการคลังในการซื้อขายหุ้นในสกุลเงิน หลักของโลก เช่น เงินดอลลาร์ สหรัฐฯ นั้น โฆษก ธปท.กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ระบุว่าเป็นการดำเนินการเพื่อเพิ่มศักยภาพแข่งขันระยะยาวและ การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคประกอบกับอำนวยความสะดวกนักลงทุน ลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากตลาดหุ้นคู่แข่ง เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซียก็ทำได้แล้ว ธปท.มองว่าเป็นเรื่องเกี่ยวการพัฒนาศักยภาพของตลาดหลักทรัพย์ไทยในระยะยาว ซึ่งจะครอบคลุมหลายประเด็นรายละเอียดทั้งกลไกการซื้อขาย การส่งมอบและการชำระราคา