สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

กสิกรไทยมองส่งออกปี2558อาจกลับมาขยายตัวที่3.5%
04/11/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกบทวิเคราะห์"การส่งออกไทย ... แม้สัญญาณบวกเริ่มกลับมา แต่สถานการณ์ข้างหน้ายังท้าทาย"

รูปภาพ : กสิกรไทยมองส่งออกปี 2558 อาจกลับมาขยายตัวที่ 3.5%  อ่านต่อ:http://miu.isit.or.th/MIU3/news/economic.aspx?Id=1033

ประเด็นสำคัญ
?  ทิศทางการส่งออกและการนำเข้าของไทยในเดือนก.ย. 2557 ออกมาดีกว่าที่คาด โดยสามารถพลิกกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 3.19 (YoY) และร้อยละ 14.4 (YoY) ตามลำดับ ทั้งนี้ แม้สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หากภาพด้านบวกจากตลาดส่งออกหลัก และการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป และสินค้าทุนบางรายการ ยังคงทิศทางเช่นนี้ได้ต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก็น่าจะเป็นสัญญาณแรกเริ่มที่ดีต่อเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย   

?  สำหรับในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2557 การส่งออกไทยน่าจะทยอยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยทางฤดูกาลในช่วงเทศกาล คริสต์มาสและปีใหม่ และการเร่งใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรในตลาดยุโรป อย่างไรก็ดี ภาพการหดตัวที่สะสมตั้งแต่ต้นปี และสัญญาณการฟื้นตัวที่เปราะบางของเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคของโลก ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ยังมีความเสี่ยงที่ภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 2557 จะบันทึกตัวเลขที่ติดลบ

?  สำหรับแนวโน้มในปี 2558 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกปี 2558 อาจกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 3.5 (กรอบประมาณการร้อยละ 2.0-4.5) เทียบกับที่ฟื้นตัวล่าช้าในปีนี้ กระนั้น คงต้องยอมรับว่า ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับในอดีต และยังคงมีอีกหลายประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงปีข้างหน้า โดยเฉพาะโครงสร้างการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่จะต้องปรับเปลี่ยนตามเทรนด์ใน ตลาดโลก รวมถึงสภาพการแข่งขันที่น่าจะเข้มข้นมากขึ้นในหลายๆ สินค้า ขณะที่ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการ ก็อาจทรงตัวในระดับที่ใกล้เคียงกับปีนี้   

ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศล่าสุดในเดือนก.ย. 2557 สะท้อนสัญญาณเชิงบวก ทั้งในด้านการส่งออกและการนำเข้า โดยมูลค่าการส่งออกกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่ร้อยละ 3.19 (YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (ดีกว่าผลสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ที่คาดว่า การส่งออกจะยังคงหดตัวที่ร้อยละ 0.25) ขณะที่ มูลค่าการนำเข้าเติบโตสูงถึงร้อยละ 14.4 (YoY) ซึ่งนับเป็นการพลิกฟื้นกลับมาเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน (ดีกว่าผลสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ ที่ประเมินว่า การนำเข้าจะยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 6.90) ทั้งนี้ ประเด็นที่สำคัญของภาคการส่งออกในระยะข้างหน้า ก็คือ ภาวะการฟื้นตัวที่ยังไม่เต็มที่ของประเทศคู่ค้าในหลายภูมิภาค ตลอดจนราคาสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยที่ยังคงปรับลดลง อาจทำให้สัญญาณบวกของภาคการส่งออกที่เริ่มเข้ามาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 สามารถบรรเทาสถานการณ์การหดตัวที่สะสมตั้งแต่ต้นปี ลงได้บางส่วนเท่านั้น


 การส่งออกและการนำเข้าเดือนก.ย. 2557 ขยายตัวพร้อมกันเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน
? สถานการณ์ส่งออกล่าสุดเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกอีกครั้ง แม้ฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในเดือนก.ย. ปีก่อน จะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การส่งออกของไทยในเดือนก.ย. 2557 พลิกกลับมาขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าที่คาด ที่ร้อยละ 3.19 (YoY) จากที่หดตัวร้อยละ 7.40 (YoY) ในเดือนส.ค. 2557 แต่หากพิจารณาในรายสินค้าจะพบว่า สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตรหลายรายการ (อาทิ ข้าว มันสำปะหลัง และน้ำตาล) รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรม (อาทิ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์/ส่วนประกอบ เม็ด/ผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ เครื่องจักรกล/ส่วนประกอบ) สามารถประคองการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่ไม่รวมทองคำ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้า/ผลิตภัณฑ์ ก็กลับมามีทิศทางที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ส่วนในด้านตลาดส่งออก ตลาดสำคัญอย่างสหรัฐฯ ยูโรโซน ญี่ปุ่น และอาเซียน-5 ก็สามารถพลิกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง เช่นเดียวกับทิศทางการส่งออกไปจีนที่ติดลบน้อยลงกว่าในเดือนก่อนหน้า

? สัญญาณจากข้อมูลการนำเข้าก็สะท้อนภาพในเชิงบวกออกมาบางส่วนด้วยเช่นกัน โดยแม้มูลค่าการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นหลายรายการในเดือนก.ย. 2557 อาจจะมาจากปัจจัยชั่วคราว อาทิ การนำเข้าทองคำ (ขยายตัวร้อยละ 67.3) เครื่องบิน/เครื่องร่อน (ขยายตัวร้อยละ 68.1) และเรือ/สิ่งก่อสร้างลอยน้ำ (ขยายตัวร้อยละ 262.6) แต่การเริ่มกลับมานำเข้าเครื่องจักรกล เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป รวมถึงส่วนประกอบ/อุปกรณ์ยานยนต์บางประเภท ก็อาจจะถือว่า เป็นสัญญาณแรกเริ่มที่ดีสำหรับการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการส่งออกไทยใน ช่วงหลายเดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสัญญาณเชิงบวกจากข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาดในเดือนก.ย. 2557 ยังมีหลายประเด็นที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย อาทิ จีน ยูโรโซน และญี่ปุ่น ที่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งอาจส่งผลบางส่วนกลับมากดดันการฟื้นตัวของราคาสินค้าส่งออกที่สำคัญ ทั้งในกลุ่มที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (ทั้งสินค้าเกษตร สินค้ากลุ่มแร่ เชื้อเพลิงและน้ำมัน) ขณะที่ สินค้าส่งออกที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของภาคการส่งออกไทย อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์/ส่วนประกอบ ยางพารา และแผงวงจรไฟฟ้า ซึ่งยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ก็อาจเป็นสัญญาณที่สะท้อนว่า เส้นทางการฟื้นตัวของภาคการส่งออกของไทย ยังต้องก้าวข้ามหลายโจทย์ที่ท้าทายในช่วงที่เหลือของปี


ทิศทางการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2557 ปรับกลยุทธ์เน้นส่งออกเป็นรายสินค้า
ขณะที่ ในระยะยาวต้องยกเครื่องโครงสร้างการผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

    
จากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังคงไม่ค่อยสดใส เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย อย่างกลุ่มยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีน ยังคงเปราะบาง ขณะที่ มีเพียงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าจะคงเส้นทางการขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีไว้ได้ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การพลิกฟื้นภาพการส่งออกในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2557 ยังคงเป็นโจทย์ที่ท้าทายไม่น้อยของทั้งผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การประคองสถานการณ์ในระยะที่เหลือของปี ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง อาจต้องเน้นไปที่การเร่งผลักดันสินค้าส่งออกที่สามารถตอบโจทย์ในทุกตลาด ทั้งในส่วนของตลาดหลักและตลาดศักยภาพสูง อาทิ สินค้ากลุ่มอาหาร และเครื่องดื่ม สินค้าไลฟ์สไตล์อย่างของขวัญ และเครื่องประดับ รวมไปถึงสินค้าที่ไปได้ดีกับกระแสความต้องการในตลาดโลกในช่วงปลายปี อาทิ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่ การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าขั้นกลาง เช่น เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ ที่น่าจะยังไปได้ดีในตลาดศักยภาพสูงอย่างกลุ่มอาเซียน
    
อย่างไรก็ดี สัญญาณการขยายตัวของการส่งออกที่มาในช่วงท้ายๆ ของปี ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประเมินว่า อัตราการเติบโตของการส่งออกไทยในปี 2557 อาจบันทึกเป็นตัวเลขติดลบ (หดตัวร้อยละ 0.3) แต่กระนั้น ฐานเปรียบเทียบที่ต่ำจากการฟื้นตัวของการส่งออกที่ล่าช้าในปีนี้ และทิศทางที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นในสินค้าส่งออกหลายๆ รายการ น่าจะเอื้อให้การส่งออกในปี 2558 สามารถฟื้นกลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.5 (กรอบคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.0-4.5)
    
ทั้งนี้ หากติดตามสถานการณ์การส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง จะพบว่า การส่งออกที่ชะลอลงส่วนหนึ่งนอกจากปัญหาด้านอุปสงค์ของตลาดต่างประเทศแล้ว ไทยยังต้องรับมือกับปัญหาในภาคการผลิตที่ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันกับ กระแสเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ การแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน (ซึ่งมีค่าแรงถูกและมีนโยบายการส่งเสริมการลงทุนที่ยืดหยุ่นกว่า) ที่รองรับการย้ายฐานการผลิตของหลายอุตสาหกรรม ก็เริ่มสะท้อนภาพที่เข้มข้นมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น โจทย์สำหรับการส่งออกไทยในระยะข้างหน้า นอกจากจะเป็นการรักษาส่วนแบ่งตลาดในประเทศคู่ค้าสำคัญ และการแสวงหาโอกาสในตลาดส่งออกใหม่ๆ แล้ว ในภาคการผลิตก็อาจจะต้องมีการปรับตัว พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต ให้ทันกับห่วงโซ่อุปทานและเทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้นด้วยเช่นกัน 

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.