สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

สศอ.เร่งอภิมหาเอฟทีเออาเซียน
17/10/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า การจัดทำโครงการศึกษาเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมไทยสำหรับการจัดทำหุ้น ส่วนเศรษฐกิจในภูมิภาคหรือ Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP จัดทำขึ้นโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา โดย RCEP เป็นกรอบความร่วมมือที่ครอบคลุมประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และประเทศในภูมิภาคอีก 6 ประเทศ ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ซึ่ง RCEP เป็นกรอบที่มีนัยต่อภาคอุตสาหกรรมไทยเป็นอย่างมาก ทั้งการเป็น ตลาดส่งออกที่มีศักยภาพ มีส่วนช่วยทำให้ผู้ประกอบการภายในประเทศสามารถนำเข้าวัตถุดิบต่างๆ ได้ในราคาที่ถูกลง และห่วงโซ่การผลิตมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเอื้อให้การเปิดตลาดสินค้าเป็นไปได้อย่างดียิ่งขึ้น และ RCEP ยังเป็นอภิมหาเอฟทีเอ (Mega FTA) เดียวที่รวมตลาดใหญ่อย่างจีนและอินเดีย

อย่างไรก็ตาม RCEP เป็นความตกลงเขตการค้าเสรีซ้อนความตกลงการค้าเสรีเดิมที่ มีอยู่แล้ว ดังนั้น ผลประโยชน์สุทธิจึงขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่าสินค้าที่ยังไม่มีการเปิดเสรีใน ความตกลงเดิมมีมากน้อยเพียงใด และประเทศสมาชิกใน RCEPพร้อมจะเปิดมากน้อยแค่ไหน เงื่อนไขว่าการเปิดเสรีที่ผ่านมามีปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในทางปฏิบัติมากน้อยเพียงใด และกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดใหม่ใน RCEP ช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดตลาดเพิ่ม และสุดท้ายคงต้องพิจารณาการเปิดเสรีด้านอื่นๆ ที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์แก่ไทย อาทิ การเปิดเสรีทางการลงทุน เป็นต้น เพื่อให้เข้าใจถึงแนวโน้มการเจรจาในกรอบ RCEP ที่จะเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งในแง่ยุทธศาสตร์การใช้มาตรการ ภาษีของประเทศต่างๆ และกลยุทธ์การเปิดเสรีใน FTA ซึ่งประเทศสมาชิกต่างๆ มีกลยุทธ์การเปิดเสรีที่หลากหลายขึ้นอยู่กับมาตรการภาษีในประเทศต่างๆ

นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการศึกษาในครั้งนี้ ครอบคลุมทั้งมุมมองมหภาคและการวิเคราะห์รายสาขาจำนวน 10 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป สิ่งทอและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ อัญมณี ปิโตรเคมี และเหล็ก โดยผลการศึกษาพบว่า ผลกระทบของ RCEP มีความแตกต่างจากกรอบเอฟทีเออื่นๆ คือ RCEP เป็นกรอบเอฟทีเอซ้อนกรอบเอฟทีเอเดิม ดังนั้น ผลกระทบจาก RCEP จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสาขานั้นๆ เรายังไม่มีการเปิดเสรีในกรอบเอฟทีเอก่อนหน้า และกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดใหม่ ใน RCEP ช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดตลาดเพิ่ม

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.