สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจท้ายปี ส.อ.ท.ไม่มีผลปลุกตลาด
08/10/2014
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล

วงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 เดือนสุดท้ายไม่มีผลต่อการปลุกตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ ลุ้นโค้งสุดท้ายปีนี้ยังต้องจับตาหลังปรับเป้าเหลือกำลังผลิตรวม 2.1 ล้านคัน จะทำได้หรือไม่โดยเฉพาะตลาดในประเทศที่ลดเหลือ 9 แสนคัน วอนทุกภาคส่วนเร่งให้ความสำคัญต่อการยกระดับบุคลากรที่มีอยู่ หลังเผชิญวิกฤติขาดแคลนแรงงาน 3 ปีติดต่อ

นายโกวิทย์  ว่องกลกิจศิลป์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาลในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปี2557 ว่าไม่มีผลต่อการปลุกตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ และคงต้องไปจับตาดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางในต้นปี2558 มากกว่า ส่วนโค้งสุดท้ายปี2557 ยังเป็นช่วงที่ต้องลุ้นต่อว่าหลังจากที่ปรับตัวเลขการผลิตรถยนต์ปีนี้จาก 2.45 ล้านคัน ลงมาเหลือ 2.1 ล้านคันแล้ว จะทำได้ตามเป้าที่ปรับใหม่หรือไม่  โดยเฉพาะตลาดในประเทศที่ปรับลดจาก 1ล้านคันลงมาเหลือ 9 แสนคัน

นอกจากนี้ยังมองว่า 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการเร่งพัฒนา บุคลากรให้มีทักษะที่สูงขึ้น เพื่อเตรียมรับมือการแข่งขันที่รุนแรง และเป็นทางออกในการแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนด้วย  ดังนั้นจึงต้องพัฒนาฝีมือแรงงานที่มีอยู่ให้มีศักยภาพ  เนื่องจากปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนขาดแคลนแรงงานปีละ3 หมื่นอัตราขึ้นไป จากที่ปัจจุบันมีแรงงานในระบบ 630,000 คน  ในอนาคตถ้าเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนก็ต้องเพิ่มคน  หลังจากที่ช่วง3-4ปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน  จึงจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรที่มีอยู่ให้มีขีดความสามารถมากขึ้น  หากไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องแรงงานขาด  หรือยกระดับฝีมือแรงงานให้สูงขึ้นได้ การขยายตัวในอุตสาหกรรมนี้ก็จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์  กล่าวอีกว่าเวลานี้ในแง่ฐานการผลิตรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเหนือกว่าคู่ แข่งอย่างอินโดนีเซีย หากไทยยังมีปัญหาวิกฤติแรงงานอยู่ ก็น่าเป็นห่วงว่าจะรักษาฐานการผลิตขนาดใหญ่ไว้ได้อีกนานแค่ไหน เพราะอินโดนีเซียยังมีความได้เปรียบในแง่กำลังซื้อภายในประเทศที่มี ประชากรกว่า 200 ล้านคน ซึ่งมากกว่าไทย 3 เท่า ที่ผ่านมาไทยผลิตขายตลาดในประเทศได้ 1 ล้านคันต่อปี  ดังนั้นอินโดนีเซียก็มีโอกาสขายในประเทศถึง 3 ล้านคันต่อปีในระยะยาว ซึ่งในขณะนั้นเชื่อว่าประชากรอินโดนีเซียจะมีจีดีพีต่อหัวมากขึ้น และมีระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศก้าวหน้ากว่าปัจจุบันแล้ว

สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศปี 2558 คาดว่าจะมีกำลังผลิตรวม 2.2-2.3 ล้านคันในจำนวนนี้ผลิตเพื่อป้อนตลาดภายในประเทศไม่ต่ำกว่า 1.1 ล้านคัน และผลิตเพื่อส่งออกประมาณ 1.1-1.2 ล้านคัน โดยการคาดการณ์นี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมด้วย เช่น ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลก รวมถึงเสถียรภาพรัฐบาลในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางในปีหน้า เป็นต้น

ขณะที่นายกรกฤช จุฬางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด (SAB) ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ 1 ใน 3 ในประเทศกล่าวว่า โดยภาพรวมนับจากที่มีรัฐบาลใหม่ และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชื่อว่าจะทำให้ภาพในเชิงจิตวิทยาดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการส่งสัญญาณว่าตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขยับตัวได้นับจากที่ชาวนา ได้รับเงินค้างจ่ายจากโครงการรับจำนำข้าว ขณะที่ค่ายรถเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีนโยบายหยุดพิเศษโดยจ่ายเงินเดือน75% หลังจากที่ออร์เดอร์ชะลอตัวลง ส่วนภาพรวมการขยับตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ปีหน้าน่าจะชัดเจนขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,989   วันที่  5 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.