สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

พาณิชย์ชี้ 5 อุตฯของไทยครองอันดับแรกด้านส่งออกเทียบตลาดอาเซียน
29/09/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ผนึกหน่วยงานพันธมิตร ประเมินขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยเมื่อเทียบกับสมาชิกอา เซียนอื่น พบมีหลายอุตสาหกรรมที่ไทยแข่งขันได้ดีในด้านการส่งออก และมีขีดความสามารถเหนืออาเซียนอื่น แนะต้องปรับตัวให้ทันแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมโลก เพื่อให้ไทยยังคงแข่งขันได้

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2557 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์กรมหาชน) สถาบันนานาชาติเพื่อเอเชียแปซิฟิกศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ บริษัท โบลลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดการสัมมนา เรื่อง “ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในภูมิภาคอาเซียน” ณ โรงแรมเซ็นทารา เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาการประเมินความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม หลักของไทยภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ทั้งนี้ ได้มีการศึกษาสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญจำนวน 9 อุตสาหกรรม ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป 2)อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 3) อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 4) อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 5) อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 6) อุตสาหกรรมเคมีภัณท์และพลาสติก 7) อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า 8) อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และ 9) อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณท์ยาง

โดยผลการศึกษาในด้านการส่งออกของไทยเมื่อเทียบกับสมาชิกอาเซียนอื่น พบว่า ไทยจะอยู่อันดับแรก 5 อุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนอันดับสอง คือ อุตสาหกรรมเคมีและพลาสติก อันดับสาม คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และอันดับสี่ คือ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์

เมื่อเทียบในตลาดอาเซียน ไทยจะครองอันดับแรก 5 อุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง อันดับสอง คือ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อันดับสาม คือ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ และอุตสาหกรรมเคมีและพลาสติก อันดับสี่ คือ อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม หากคำนวณขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยเทียบกับอาเซียน เมื่อประเมินจากปัจจัยต่างๆ เช่น ภาพรวมอุตสาหกรรม ความสามารถในการแข่งขัน ความสามารถผู้ประกอบการ ปัจจัยการผลิต อุตสาหกรรมสนับสนุน อุปสงค์ภายในประเทศ และการส่งเสริมจากภาครัฐ พบว่า อันดับ 1 มี 2 อุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ และอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง อันดับ 2 มีอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และพลาสติก อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อันดับ 3 มีอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

นางอภิรดี กล่าวว่า การปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน จะต้องตามการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มอุตสาหกรรมโลกให้ทัน โดยผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ จำเป็นต้องทำความเข้าใจ และวางแนวทางในการปรับตัวต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมโลกที่เกิดขึ้น ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการสร้างอุตสาหกรรมสีเขียว การขยายตัวของประชากรและการเข้าสู่สังคมเมือง ความเชื่อมโยงในห่วงโซ่การผลิตและห่วงโซ่มูลค่าโลกและภายในภูมิภาค การพัฒนาของเทคโนโลยี IT และการพัฒนาระบบโทรคมนาคม และการพึ่งพาเครื่องจักรแทนแรงงานมนุษย์ รวมไปถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมจำเพาะที่เกิดขึ้นในแต่ละอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ จะต้องยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมหลักของไทย ได้แก่ การเสริมสร้างขีดความสามารถในการปรับตัวแก่ผู้ประกอบการต่อแนวโน้ม อุตสาหกรรมโลก การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การออกแบบ และวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต และการผลักดันการใช้ประโยชน์และความร่วมมือจากการรวมเป็นหนึ่งใน AEC และเป็นห่วงโซ่อุปทานร่วมในภูมิภาค ถือเป็นสิ่งที่ภาครัฐจะต้องตระหนักถึงไม่มากก็น้อย

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.