สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

เศรษฐกิจฟื้นตัวไม่แรง ส่งออกแผ่ว-หนี้สูงฉุดรั้ง หุ้นดีด13จุดไฮเดิม1,584
25/09/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

CIMBT มองเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้ฟื้นตัวปานกลาง แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค-นักลงทุนสูงขึ้น แต่เร่งตัวไม่แรง เหตุส่งออกเปราะบาง-หนี้ครัวเรือนสูงเป็นตัวฉุดรั้ง ธปท.ประเมินเฟดคงดอกเบี้ยเป็นไปตามตลาดทั่วโลกคาดการณ์ หุ้นดีดแรง 13 จุด กลับมายืนไฮเดิมที่ 1,584 จุด

    นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยหลังจากนี้ คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในระดับปานกลาง ตามความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นของผู้บริโภคและนักลงทุน อีกทั้งรัฐบาลใหม่สามารถขับเคลื่อนโครงการลงทุนให้เดินหน้าต่อไปได้
    ขณะเดียวกัน แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัว ก็ไม่สามารถเร่งตัวได้แรงเหมือนในอดีต เนื่องจากภาคส่งออกของไทยยังมีปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมทั้งหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง และปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยถ่วงการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
    “แม้เศรษฐกิจไทยจะถูกปัจจัยถ่วงดึงรั้งไว้อยู่บ้าง แต่เชื่อว่าการลงทุนภาครัฐจะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วง ปลายปีนี้ต่อเนื่องไปยังปีหน้า และจะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัวตาม ลดต้นทุนการขนส่ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเอกชน นอกจากนี้ นโยบายเศรษฐกิจที่ภาครัฐมุ่งยกระดับบทบาทภาคเอกชน โดยเฉพาะการส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างจริงจัง และการเน้นการค้าชายแดนผ่านการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเร่งตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า” นายอมรเทพกล่าว
    สำหรับความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยปีหน้า มาจากปัจจัยภายนอกที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ มากกว่าจะมาจากปัจจัยภายในที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการสิ้นสุดการยืดเยื้อของปัญหาทางการเมือง ส่วนสภาพคล่องนั้นการเงินโลกที่กำลังตึงตัวมากขึ้น จะผลักดันให้เกิดความต้องการเงินเหรียญสหรัฐสูงขึ้น แต่ความต้องการถือสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาคจะทำให้เงินบาทไม่อ่อนค่าอย่าง รวดเร็วตามที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
    นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงผลการประชุมของธนาคารการสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับลดการซื้อสินทรัพย์ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ รวมทั้งปรับการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี 2558 ไปอยู่ที่ 1.375% และปี 2559 ที่ 2.875% เพิ่มจากที่เคยคาดไว้เดิม ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการทยอยปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ จากที่ได้ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนอย่างมาก มาเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นทิศทางที่ตลาดคาดหมายมาก่อนหน้านี้แล้ว
    ทั้งนี้ แม้เฟดจะหยุดการซื้อสินทรัพย์ในเดือนหน้า แต่สถานการณ์สภาพคล่องและภาวะการเงินโดยรวมก็ยังอยู่ในภาวะที่ผ่อนปรนและให้ เวลาแก่ทุกฝ่าย และทุกๆ ภูมิภาคในการปรับตัว
    ด้านตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ยืนในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปิดที่ระดับสูงสุดเดิมที่ 1,584.23 จุด เพิ่มขึ้น 13.59 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,974.26 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 94.43 ล้านบาท กองทุนขายสุทธิ 46.09 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,017.12 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 876.60 ล้านบาท ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 14,368,801.29 ล้านบาท.

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.