ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกบทวิเคราะห์"โอกาสศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้า ไทย...ใช้ทำเลศูนย์กลางภูมิภาค ผนวกขีดความสามารถภาคการผลิตและบริการ รุกตลาดเพื่อนบ้าน"
ประเด็นสำคัญ
• ความไม่แน่นอนด้านการเมือง และภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้การเติบโตของธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2557 เป็นไปอย่างจำกัด อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีเป็นฤดูกาลที่องค์กรภาคเอกชนต่างก็ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นยอดขายใน ช่วงโค้งสุดท้ายของปีอยู่แล้ว รวมถึงการจัดประชุม สัมมนา และนิทรรศการขององค์กรภาครัฐ จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภายในเดือนกันยายน ส่งผลให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในปี 2557 นี้ น่าจะมีมูลค่า 7,320-7,520 ล้านบาท หรือเติบโตอยู่ในกรอบร้อยละ 2.7 - 5.5 จากในปี 2556 โดยมีปัจจัยหนุนจากการจัดงานภายในประเทศในช่วงไตรมาสที่ 4 เป็นหลัก
• สำหรับในระยะยาวแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและยังสามารถเติบโตได้ อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนทั้งจากการเปิด AEC การขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัดของผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมให้หัวเมืองต่างจังหวัดเป็นเมืองแห่งไมซ์
• ผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทย มีโอกาสเจาะตลาดผู้จัดงานจากประเทศกลุ่ม CLMV และจีน รวมถึงเจาะตลาดกลุ่มผู้จัดงานในธุรกิจที่ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการเป็น ฐานการผลิตที่จะเพิ่มโอกาสให้ผู้จัดงานเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานได้ เช่น เครื่องมือ เครื่องจักร ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ อีกทั้งเจาะตลาดกลุ่มผู้จัดงานในธุรกิจบริการ เช่น โลจิสติกส์ ท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยต่อยอดให้ผู้ประกอบการมีโอกาสสร้างรายได้จากตลาดผู้จัดงานใน ธุรกิจใหม่ๆมากขึ้น
การจัดสรรงบประมาณขององค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนสำหรับการจัดงานในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การประชุมและสัมมนา งานแสดงสินค้า งานอีเว้นท์ การจับคู่ทางธุรกิจ เป็นต้น ได้นำมาซึ่งการเติบโตของธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้า ซึ่งมีบทบาทในการสนับสนุนองค์กรต่างๆในด้านการให้บริการสถานที่
การจัดงานภายในประเทศในไตรมาสที่ 4หนุนธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าปี 2557 เติบโตเล็กน้อย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า จากปี 2556 ต่อเนื่องมายังปี 2557 นี้ ความไม่แน่นอนด้านการเมือง และภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้การจัดสรรงบประมาณขององค์กรต่างๆ เป็นไปอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงความคุ้มค่ามากขึ้น ในระดับที่ส่งผลกระทบให้องค์กรต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนยกเลิกหรือเลื่อนการ จัดงานต่างๆออกไป แม้ว่าจะมีการวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วก็ตาม นำมาซึ่งผลกระทบต่อธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าไปด้วย เนื่องจากรายได้ของธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้ามาจากการจัดสรรงบ ประมาณขององค์กรสำหรับการจัดงานต่างๆเป็นหลัก
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนด้านการเมืองในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยังส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่ม MICE (Meetings, Incentives, Conferences, and Exhibitions: MICE) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อข่าวสาร ชะลอการเดินทางมายังประเทศไทย ผู้จัดงานจึงยกเลิกหรือเลื่อนการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การจัดประชุมนานาชาติ และการจัดแสดงสินค้านานาชาติออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความไม่แน่นอนด้านการเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ส่งผลให้ผู้จัดงานบางส่วนที่มีความจำเป็นต้องจัดงานในเมืองหลวงซึ่งเป็น ศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การประชุม การจัดประชุมนานาชาติ และการจัดแสดงสินค้านานาชาติ ต้องย้ายการจัดงานจากประเทศไทยไปยังประเทศสิงคโปร์แทน แตกต่างจากการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ที่ยังสามารถย้ายการจัดงานไปยังต่างจังหวัดได้ ส่งผลให้การเติบโตของธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2557 เป็นไปอย่างจำกัด โดยผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าต่างก็หันมาให้ความ สำคัญกับการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE ภายในประเทศทดแทนรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การจัดงานต่างๆที่ถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไป น่าจะทยอยกลับมาจัดได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี ประกอบกับในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีเป็นฤดูกาลที่องค์กรภาคเอกชนต่างก็ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นยอดขายใน ช่วงโค้งสุดท้ายของปีอยู่แล้ว จึงเป็นช่วงเวลาที่องค์กรภาคเอกชนเริ่มทยอยจัดสรรงบประมาณมาสู่การจัดงานใน รูปแบบที่หลากหลาย เช่น งานแสดงสินค้า งานอีเว้นท์ การจับคู่ทางธุรกิจ เป็นต้น
ในส่วนของการจัดประชุม สัมมนา และนิทรรศการขององค์กรภาครัฐที่ถูกยกเลิกหรือเลื่อนมาตั้งแต่ต้นปี ก็น่าจะทยอยกลับมาจัดงานได้มากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณขององค์กรภาครัฐภายในเดือนกันยายน ส่งผลให้ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าสามารถสร้างรายได้จากการเป็น สถานที่จัดการประชุม สัมมนา รวมถึงนิทรรศการในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงมองว่า ในปี 2557 นี้ ตลาดธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าจะมีมูลค่าอยู่ในกรอบ 7,320-7,520 ล้านบาท เติบโตจากในปี 2556 ที่มีมูลค่าประมาณ 7,130 ล้านบาท หรือเติบโตอยู่ในกรอบร้อยละ 2.7 - 5.5 โดยมีปัจจัยหนุนจากการจัดงานภายในประเทศในช่วงไตรมาสที่ 4 เป็นหลัก

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าที่ต้องจับตามองในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ได้แก่ การทยอยกลับมาจัดงานแสดงสินค้า โดยหากองค์กรภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นว่าการเมือง และภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เอื้ออำนวยให้เกิดบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอย ก็ย่อมตัดสินใจทยอยกลับมาจัดงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทยอยกลับมาจัดงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ที่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับสูงสำหรับธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าใน ฐานะผู้ให้บริการสถานที่ และจะส่งผลให้ตลาดธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าโดยรวมสามารถเติบโต ได้ถึงร้อยละ 5.5
ในทางกลับกัน หากองค์กรภาคเอกชนยังขาดความเชื่อมั่น โดยมองว่า การเมือง และภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงมีทิศทางที่ไม่ชัดเจน ก็ย่อมตัดสินใจยกเลิกหรือเลื่อนการจัดงานต่างๆออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกเลิกหรือเลื่อนการจัดงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ที่ส่งผลให้ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าสูญเสียโอกาสในการสร้างราย ได้ในระดับสูงไป และจะส่งผลให้ตลาดธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าโดยรวมสามารถเติบโต ได้เพียงร้อยละ 2.7
มองระยะยาว...ศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าไทยยังมีศักยภาพและเติบโตต่อเนื่อง
แม้ว่าในระยะสั้น ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนด้าน การเมือง และภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้มูลค่าตลาดโดยรวมในปี 2557 เติบโตได้ต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น แต่ในระยะยาวแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าเป็นธุรกิจที่ศักยภาพและยังสามารถเติบโตได้ อย่างต่อเนื่อง โดยยังเป็นธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการจัดงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดงานในกลุ่ม MICE ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การจัดประชุมนานาชาติ และการจัดแสดงสินค้านานาชาติ

จากแนวโน้มการจัดงานในกลุ่ม MICE ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้ารายใหญ่ ได้มีการขยายพื้นที่รองรับการจัดงานในรูปแบบต่างๆ รวมถึงยังมีการขยายธุรกิจมาสู่การบริหารพื้นที่ศูนย์ประชุมในพื้นที่ต่างๆ อีกด้วย นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจสนับสนุน เช่น การคมนาคมขนส่ง การสื่อสารและโทรคมนาคม โรงแรมและที่พัก ร้านอาหาร เป็นต้น ก็มีการขยายตัวเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้า ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของจำนวนโรงแรมและที่พักเพื่อให้บริการผู้เข้าร่วมงานรอบๆศูนย์ ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสสำหรับธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าใน ประเทศไทยที่จะขยายตัวในอนาคตได้เป็นอย่างดี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในระยะยาวแล้ว ปัจจัยหนุนทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ ยังคงสามารถผลักดันให้ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าสามารถขยายตัวได้ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทยก็อาจเผชิญความท้าทายจากการ แข่งขันระหว่างธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในต่างประเทศ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
? การเปิด AEC เป็นปัจจัยหนุนสำหรับตลาดผู้จัดงานจากต่างประเทศ
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community (AEC) เป็นปัจจัยส่งเสริมให้การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนขยายตัว ประกอบกับความพยายามในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของ ภูมิภาค (Regional Hub) ในธุรกิจที่มีศักยภาพต่างๆ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทยน่าจะได้รับอานิสงส์จากการ ขยายตัวของการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนในฐานะผู้ให้บริการ สถานที่สำหรับการจัดงานต่างๆ ในรูปแบบผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการ (Business-to-business: B2B) ที่นำมาซึ่งความต้องการใช้บริการสถานที่สำหรับการจัดงานขององค์กรภาคเอกชน ของประเทศในกลุ่มอาเซียนที่หลากหลาย เช่น การประชุมและสัมมนา งานแสดงสินค้า งานอีเว้นท์ การจับคู่ทางธุรกิจ เป็นต้น โดยมีปัจจัยหนุนที่ดึงดูดให้ผู้จัดงานจากประเทศในกลุ่มอาเซียนเลือกจัดงานใน ประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดงานต่างๆที่ไม่สูงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ สภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม ทำเลที่ตั้งของประเทศไทยที่เป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาค ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ความโดดเด่นในด้านอัธยาศัยของผู้คนซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ เป็นต้น
? การขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัดของผู้ประกอบการ และการส่งเสริมให้หัวเมืองต่างจังหวัดเป็นเมืองแห่งไมซ์ เป็นปัจจัยหนุนสำหรับตลาดผู้จัดงานภายในประเทศ
การขยายตัวของความเป็นเมืองประกอบกับการเล็งเห็นถึงขนาดตลาดผู้บริโภคและ ศักยภาพทางเศรษฐกิจในพื้นที่ต่างจังหวัดที่จะนำมาซึ่งกำลังซื้อของคนใน พื้นที่ ผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆจึงหันมามุ่งขยายธุรกิจจากกรุงเทพฯไปยังต่างจังหวัด มากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการจัดงานในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้า และบริการมากขึ้นตามไปด้วย นำมาซึ่งความต้องการใช้บริการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในต่าง จังหวัด
นอกจากนี้ การส่งเสริมให้หัวเมืองต่างจังหวัดที่สำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา และภูเก็ต เป็นเมืองแห่งไมซ์ ประกอบกับความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการที่เกี่ยวข้องใน จังหวัดดังกล่าว เช่น เส้นทางการคมนาคมขนส่ง ระบบสื่อสารและโทรคมนาคม ระบบสาธารณูปโภค โรงแรมและที่พัก ร้านอาหาร เป็นต้น ก็ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้ายังสามารถ ขยายตัวในต่างจังหวัดได้เป็นอย่างดีจากการจัดงานโดยภาครัฐ ผู้ประกอบการ สมาคม รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ซึ่งจะใช้บริการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้า ทั้งในรูปแบบของการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การจัดประชุมนานาชาติและการจัดแสดงสินค้านานาชาติ
? การแข่งขันระหว่างธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในต่างประเทศ เป็นความท้าทาย
แม้ว่าจะมีปัจจัยหนุนธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทย แต่ก็พบว่า ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทยก็อาจเผชิญความท้าทายจากการ แข่งขันระหว่างธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในต่างประเทศที่ต่าง พยายามดึงดูดการจัดงานในรูปแบบต่างๆมายังประเทศตนเอง โดยหากพิจารณาขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับภูมิภาคอาเซียน ก็จะพบว่าประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นคู่แข่งที่สำคัญของประเทศไทย

นอกจากภาพลักษณ์ของการเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจกิจที่ก้าว หน้า รวมไปถึงความพร้อมในการจัดงานในหลากหลายด้าน เช่น โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง เป็นต้น จะส่งผลให้ผู้จัดงานเลือกใช้ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นสถานที่จัดงานแล้ว เรายังปฏิเสธไม่ได้ว่า จุดแข็งของธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ผู้จัดงานเลือกใช้ประเทศดังกล่าวเป็น สถานที่จัดงานด้วยเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากการมุ่งเน้นการสร้างสถานที่ในทำเลที่มีความสะดวกในการเดิน ทางสำหรับผู้เข้าร่วมงานและขนส่งสินค้า ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างสถานที่ในทำเลที่ใกล้กับสนามบิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดผู้จัดงานที่จัดงานในระดับนานาชาติให้เลือก ศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าเป็นสถานที่จัดงานได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ยังให้ความสำคัญกับการสร้างสถานที่การจัดงานที่มีความยืดหยุ่น กล่าวคือ สามารถปรับรูปแบบการจัดงานได้อย่างหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการจัดงานของผู้จัดงานที่มีรูปแบบแตกต่างกันออกไป รวมถึงบุคลากร ที่นอกจากจะมีทักษะในด้านการบริหารจัดการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดง สินค้าแล้ว ยังมีทักษะในด้านภาษาอังกฤษที่เหนือกว่าบุคลากรไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ศูนย์แสดงสินค้าระหว่างประเทศไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย พบว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ศูนย์แสดงสินค้ามากที่สุดกว่า 222,405 ตารางเมตร ในขณะที่ ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย มีพื้นที่ศูนย์แสดงสินค้า 203,600 ตารางเมตร และ 71,292 ตารางเมตร ตามลำดับ รวมถึงเมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการจัดงานแสดงสินค้าต่อจํานวนพื้นที่ แสดงสินค้าโดยเฉลี่ย ก็พบว่า ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายในการจัดงานแสดงสินค้าต่อจํานวนพื้นที่แสดงสินค้าโดย เฉลี่ยประมาณ 326 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตารางเมตร ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ มีค่าใช้จ่ายในการจัดงานแสดงสินค้าต่อจํานวนพื้นที่แสดงสินค้าโดยเฉลี่ยสูง ถึงประมาณ 429 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตารางเมตร
ข้อมูลดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทย ในด้านการมีพื้นที่ศูนย์แสดงสินค้าให้บริการที่กว้างขวาง ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการจัดงานแสดงสินค้าในระดับต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง อีกทั้งระดับราคาการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทยยังมีความหลากหลาย ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหนึ่งหมื่นบาทต่อตารางเมตร สอดคล้องกับความต้องการและข้อจำกัดของผู้จัดงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคุ้มค่าที่เป็นจุดแข็งที่สำคัญในการดึงดูดการจัด งานจากผู้จัดงานชาวต่างชาติให้เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ
อกาสในการเจาะตลาดของศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้วิเคราะห์โอกาสของธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทย ในการเจาะกลุ่มผู้จัดงานเป้าหมาย ทั้งกลุ่มประเทศ และกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
? เน้นเจาะตลาดผู้จัดงานจากประเทศกลุ่ม CLMV และจีน
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นปัจจัยส่งเสริมให้การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนขยายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเติบโตของการค้าและการลงทุนในประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม หรือกลุ่ม CLMV ในรูปแบบผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการ (Business-to-business: B2B) ที่นำมาซึ่งความต้องการใช้บริการสถานที่สำหรับการจัดงานที่มีการเชื่อมโยง ประเทศต่างๆขององค์กรภาคเอกชนอย่างหลากหลาย เช่น การประชุมและสัมมนา งานแสดงสินค้า งานอีเว้นท์ การจับคู่ทางธุรกิจ เป็นต้น ในขณะที่การจัดงานที่มีการเชื่อมโยงประเทศต่างๆภายในประเทศดังกล่าวยังมีข้อ จำกัดในหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น ขาดบุคลากรที่มีทักษะในด้านการบริหารจัดการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดง สินค้า ขาดพื้นที่การจัดงาน การคมนาคมที่ยังไม่สะดวกนัก เป็นต้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทยน่าจะได้รับอานิสงส์จากการ ขยายตัวของการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศในฐานะผู้ให้บริการสถานที่สำหรับ การจัดงานที่มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศต่างๆ สำหรับผู้จัดงานจากประเทศกลุ่ม CLMV โดยนอกจากการมีทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่มีความเหมาะสมต่อการจัด งาน ยกตัวอย่างเช่น บุคลากรที่มีทักษะในด้านการบริหารจัดการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดง สินค้า พื้นที่การจัดงานที่กว้างขวาง การคมนาคมที่สะดวก เป็นต้น อีกหนึ่งปัจจัยหนุนสำคัญที่ดึงดูดให้ผู้จัดงานจากประเทศกลุ่ม CLMV เลือกจัดงานในประเทศไทย ได้แก่ การมีทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาคซึ่งสามารถเชื่อมโยงประเทศ ต่างๆไว้ด้วยกัน โดยนอกจากจะเชื่อมโยงในประเทศกลุ่ม CLMV แล้ว ยังเชื่อมโยงครอบคลุมไปถึงประเทศจีน ซึ่งพบว่าการค้าการลงทุนระหว่างอาเซียนและจีนยังมีแนวโน้มขยายตัวเป็นอย่าง ดี ดังนั้น ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทยจึงควรใช้จุดแข็งจากการมี ทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาค เจาะกลุ่มผู้จัดงานจากประเทศกลุ่ม CLMV และจีน โดยชูจุดแข็งในด้านความสะดวกในการเดินทางสำหรับผู้เข้าร่วมงานและผู้จัดงาน รวมถึงความสะดวกในการขนส่งสินค้า ที่สามารถใช้ได้หลายช่องทาง ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ในระยะทางที่ไม่ไกลอีกด้วย
? เน้นเจาะตลาดผู้จัดงานในธุรกิจที่ไทยมีขีดความสามารถในการเป็นฐานการผลิตและให้บริการ
ปัจจุบัน การจัดงานขนาดใหญ่ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดงานในระดับนานาชาติ ส่วนใหญ่เป็นการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือ เครื่องจักร ชิ้นส่วน และอุปกรณ์สำหรับภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมต่างๆ รวมไปถึงธุรกิจให้บริการเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทยอาจเลือกเจาะ กลุ่มผู้จัดงานให้มีความเฉพาะเจาะจงในแต่ละธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจที่ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการเป็นฐานการผลิตที่จะเพิ่มโอกาสให้ ผู้จัดงานเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานได้ เช่น เครื่องมือ เครื่องจักร ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทยอาจเลือกเจาะ กลุ่มผู้จัดงานในธุรกิจบริการที่ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการให้บริการ เช่น โลจิสติกส์ ท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งจะช่วยต่อยอดให้ธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทยมีโอกาส สร้างรายได้จากตลาดผู้จัดงานในธุรกิจใหม่ๆมากขึ้น
นอกจากการมุ่งเจาะตลาดผู้จัดงานกลุ่มต่างๆแล้ว ผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทยต้องเร่งยก ระดับการให้บริการ ที่ไม่เพียงแต่เป็นการขยายพื้นที่สถานที่การจัดงานเท่านั้น หากแต่ควรพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆที่จะสนับสนุนให้ผู้จัดงานเลือกใช้บริการ ด้วย ยกตัวอย่างเช่น การอำนวยความสะดวกในการเดินทางสำหรับผู้เข้าร่วมงานและขนส่งสินค้า บรรยากาศโดยรอบของสถานที่ การออกแบบสถานที่การจัดงานที่สามารถปรับรูปแบบได้อย่างหลากหลายเพื่อตอบ โจทย์ความต้องการจัดงานที่มีรูปแบบแตกต่างกันออกไป เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทย ยังต้องจับตาแนวโน้มที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจจัดงานต่างๆของผู้จัดงาน ทั้งภาวะเศรษฐกิจของประเทศผู้จัดงานและการเติบโตของอุตสาหกรรมในภาพรวม ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดการจัดสรรงบประมาณขององค์กรสำหรับการจัดงานต่างๆเป็น หลัก เพื่อนำมาสู่การปรับกลยุทธ์การให้บริการสถานที่ได้อย่างสอดคล้องกับความต้อง การและข้อจำกัดของผู้จัดงาน รวมไปยังต้องจับตาแนวโน้มการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีบทบาทในการตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานสำหรับผู้ จัดงานกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้จัดงานจากประเทศกลุ่มพัฒนาแล้วในแถบยุโรป ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทย ที่ต้องเร่งพัฒนากระบวนการให้บริการต่างๆเพื่อให้สามารถผ่านการรับรอง มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้จัดงานจากต่างชาติมากขึ้น
สำหรับในระยะยาวนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าในประเทศไทยอาจเพิ่มสัด ส่วนการเจาะกลุ่มผู้จัดงานในธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น บริการด้านแพทย์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น ที่นอกจากจะเป็นการขยายโอกาสในการสร้างรายได้จากตลาดผู้จัดงานในธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้นแล้ว ยังนำรายได้สะพัดสู่ภาคส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกด้วย