สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโตแบบฟองสบู่ - จี้รัฐผุดมาตรการกระตุ้นเป็นรูปธรรม
07/09/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

หอการค้าไทย ชี้เศรษฐกิจของไทยเติบโตได้เพียงเล็กน้อย แม้ว่าตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะ พุ่งสูงขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน เพราะได้ปัจจัยบวกด้านจิตวิทยา เช่น แต่งตั้งนายกคนใหม่  กนง.ตรึงดอกเบี้ย สภาพัฒน์ ประเมินจีดีพี ปี58 ย้ำรัฐต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม

http://static.naewna.com/uploads/news/source/120137.jpg

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในทุกรายการ อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ หากสถานการณ์ต่างๆ ยังเป็นปกติ โดยในเดือนส.ค. 2557 อยู่ที่ 80.1 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน และความดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตที่สูงถึง 86.6 ซึ่งการที่ดัชนีปรับตัวดีขึ้นจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย และส่งอานิสงค์ไปยังการส่งออกและการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตามแม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะมีระดับที่ค่อนข้างสูง แต่ในความเป็นจริงเศรษฐกิจของไทยกลับเติบโตได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งไม่ดีตามที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ และหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้นานเกินไป เชื่อว่าจะไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นของประชาชน และเศรษฐกิจในอนาคต ดังนั้นรัฐบาลควรต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างจริงจัง ให้เห็นเป็นรูปธรรม อย่างชัดเจน

“ความเชื่อมั่นด้านการเมืองเดือนนี้ปรับตัวดีขึ้น ทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 88 เดือน นับตั้งแต่ช่วงปี 2549 และก็มองว่าในอนาคตความเชื่อมั่นด้านการเมืองจะใกล้เคียงที่ระดับ 100 แต่ทั้งนี้หากทางรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ชัดเจน ก็จะส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค และเศรษฐกิจในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะจะมีผลกดดันต่อความเชื่อมั่นด้านการเมืองสูง”

ทั้งนี้หอการค้าไทยยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2557 จะขยายตัวได้ที่ 1.5-2% จากเดิมที่มองไว้ 2-2.5% เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวไม่ได้ตามคาดการณ์ ซึ่งหากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐมีไม่มากพอ ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ในระดับใกล้เคียง 1.5% ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2558 น่าจะขยายตัวได้ที่ 4% แต่หากภาครัฐมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปสู่ภาคการลงทุนมากๆ ก็อาจทำให้เศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวได้ที่ 4-5%

“การลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับราคาลงจะเป็นผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว แต่ก็ต้องจับตาดูราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย เพราะน้ำมันดีเซลมีผลต่อในหลายส่วน ในขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐควรมีการเร่งเบิกจ่ายโดยเร็ว และงบประมาณปี 2558 อาจต้องมีการเบิกจ่ายให้ได้ประมาณ 30% ในช่วงไตรมาสที่ 4 เพื่อนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงต้องพยายาม หาวิธีกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เช่น การยกเลิกกฎอัยการศึกในหลายพื้นที่ เพื่อให้เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย เพราะจากการประเมินของหอฯ และผู้เกี่ยวข้อง มองว่านักท่องเที่ยวจะกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากอีกครั้ง ช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2558 ซึ่งอาจช้าไป”

สำหรับภาคการส่งออกมองว่าในปี 2558 ส่งออกจะขยายตัวได้ 5-7% แต่ทั้งนี้ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ ใน 2 จุด คือ การส่งออกของไทยลดลง เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัว จริงหรือไม่ และ การส่งออกของไทยลดลง เพราะสินค้าของไทยไม่เป็นที่ต้องการของโลกใช่หรือไม่ สินค้าไทยล้าหลังหรือเปล่า เนื่องจากปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไป ความต้องการสินค้าจึงเปลี่ยนตามด้วย เช่น สินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ โทรศัพท์มือถือ มีฐานการผลิตที่ อินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นต้น

ด้านนายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ส.ค. 2557 อยู่ที่ 80.1  ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และสูงสุดในรอบ 13 เดือน เนื่องจากปัจจัยบวกที่กระทบต่อความเชื่อมั่น ส่งผลออกมามากกว่าปัจจัยลบ โดยปัจจัยบวกในเดือนนี้ ได้แก่ ประเทศไทยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 และมีคณะรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศ, คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00%, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ในปี 2558 ขยายตัว 3.5-4.5%, ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลง, SET Index ในเดือน ส.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 59.24 จุด และเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย สะท้อนว่าเงินมีเสถียรภาพ มีเงินไหลเข้าสุทธิ อัเป็นผลมาจากปัจจัยนักลงทุนเชื่อมั่นต่อการเมืองและเศรษฐกิจไทย

สำหรับปัจจัยลบ ได้แก่ สศช. คาดการณ์จีดีพี ในปี 2557 ขยายตัว 1.5-2.0%, การส่งออกในเดือน ก.ค. มีมูลค่า 18,896.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 0.9% นำเข้ามีมูลค่า 19,998.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 2.9% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1,102.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น, ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ทรงตัวในระดับต่ำ, ผู้บริโภคมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าที่ยังทรง ตัวในระดับสูง และความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่กระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทย

“การใช้จ่ายของผู้บริโภคเริ่มมีการหาซื้อรถยนต์คันใหม่เพิ่มขึ้น จากโปรโมชั่น และการกระตุ้นของผู้ขาย โดยดัชนีอยู่ในระดับ 104.6, การซื้อบ้านก็เริ่มมองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแต่ไม่มาก อยู่ที่ระดับ 82.4, การใช้จ่ายในการท่องเที่ยวก็ปรับตัวดีขึ้นบ้าง อยู่ที่ระดับ 81.6, ด้านการทำธุรกิจก็ปรับตัวดีขึ้น สัญญาณเริ่มชัดเจนขึ้น แต่หลายรายก็ยังคงรอดูนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาล ก่อนจะมีการลงทุน ซึ่งความเหมาะสมอยู่ที่ระดับ 67.4 และดัชนีความสุขของประชาชนก็มากขึ้นที่ระดับ 94.5 ทั้งนี้พื้นที่ที่ประชาชนมีดัชนีความเชื่อมั่นสูงขึ้นมากสุด คือบริเวณกรุงเทพและปริมณฑล ภาคตะวันออก รองลงมาคือภาคกลางและภาคใต้ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น”

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.