สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

“นายกฯ” สั่งล้างท่อเบิกจ่ายงบปี 58
04/09/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

คสช.เพิ่มโทษแพ่งควบอาญาจัดหนัก “พวกปั่นหุ้น”

นายกฯสั่งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 58 หวังเดินเครื่องกระตุ้นเศรษฐกิจโต ตั้งเป้าต้องจ่าย 96% ของงบรวม จี้เร่งงบทาสี ซ่อมแซมสถานที่ ซื้อวัสดุอุปกรณ์ หวังให้เงินหมุนลงระบบโดยเร็ว ขณะที่ตลาดหุ้นสะเทือน คสช.อนุมัติ พ.ร.บ.ใหม่เพิ่มโทษแพ่งควบอาญาเล่นงานพวกปั่นหุ้น

ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคสช.เพื่อขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นประธาน ได้เห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 โดยสำนักงบประมาณได้ชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการให้สำนักงบประมาณเร่งการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัว

โดยได้ตั้งเป้าหมายที่จะให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวมทั้งหมดที่ 96% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย 2.575 ล้านล้านบาท ขณะที่งบประมาณเพื่อการลงทุนในปี 2558 ตั้งเป้าเบิกจ่ายไว้ที่ 87% ของวงเงินงบลงทุนจำนวน 450,110 ล้านบาท และกำหนดให้ในไตรมาสแรกของปี งบประมาณ 2558 คือ ช่วงระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค.2557 จะต้องเบิกจ่ายงบลงทุนได้ 35% หรือ คิดเป็นวงเงิน 157,538.50 ล้านบาท ขณะที่อีก 3 ไตรมาสที่เหลือ ตั้งเป้าเบิกจ่ายไว้ที่ประมาณไตรมาสละ 20% ซึ่งจะช่วยให้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างดี

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการให้หน่วยงานเร่งรัดการใช้งบประมาณในส่วนของการซ่อม แซมส่วนราชการ เช่น การทาสีหน่วยงาน เพื่อให้ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 มีเงินหมุนเวียนในระบบ รวมทั้งเร่งการจัดประชุมสัมมนาให้มีเงินหมุนเวียนในประเทศ และการเร่งการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะซื้ออะไรบ้าง ให้เร่งซื้อโดยเร็ว รวมทั้งการเตรียมการ จัดซื้อจัดจ้างหรือประมูลงาน ให้เร่งดำเนินการล่วงหน้าได้ทันที เพื่อรอลงนามในสัญญาได้ทันทีที่งบประมาณพร้อมให้เบิกจ่าย

ขณะที่กระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ 2558 โดยให้หน่วยงานเร่งรัดการก่อหนี้ให้ได้ภายในวันที่ 25 ธ.ค.2557 และ เร่งรัดการฝึกอบรม ประชุมสัมมนาและเบิกจ่ายงบอบรมและประชุมสัมมนาภายในประเทศให้ได้ไม่น้อยกว่า 50% ของงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ภายในไตรมาสที่ 1 และให้หน่วยงานที่มีเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินดังกล่าว โดยเฉพาะในส่วนรายจ่ายประจำที่ก่อหนี้ผูกพันแล้ว พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมในการจัดหาพัสดุให้พร้อมเพื่อให้สามารถก่อหนี้ได้ ตามระยะเวลาที่กำหนด

ร.อ.ยงยุทธกล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการแก้ไขกฎหมาย เดิมที่กำหนดให้เอาผิดทางแพ่งในความผิดบางประเภทเพิ่มเติม จากเดิมที่กำหนดไว้แต่ทางอาญาเท่านั้น เพื่อให้เอา ผิดดำเนินการได้รวดเร็วและทันสถานการณ์มากยิ่งขึ้น และยังป้องกันผู้เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบในตลาดทุน พร้อมกันนี้ ยังได้ปรับปรุงเนื้อหาการกำหนดฐานความผิดการกระทำที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับ การซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น การเพิ่มเติมบทสันนิษฐานเพื่อลดภาระของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.โดยกำหนดให้ผู้มีอำนาจควบคุมกิจการบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัทผู้สอบบัญชีให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นบุคคลที่รู้ หรือครอบครองข้อมูลภายใน เว้นแต่จะพิสูจน์ได้

ขณะเดียวกัน ในกฎหมายฉบับใหม่ที่แก้ไขยังกำหนดห้ามไม่ให้บุคคลใด ซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ซื้อหรือขายหรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับหลัก ทรัพย์ ไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น และการเปิดเผยข้อมูลภายในไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อมและไม่ว่าด้วยวิธีใดแก่ บุคคลอื่นต่อไป โดยรู้หรือควรรู้ว่าผู้รับข้อมูลอาจนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ โดยเมื่อ คสช.เห็นชอบกฎหมายฉบับนี้แล้ว จะนำ เสนอให้ สนช.หรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาตามกระบวนการต่อไป

ก่อนหน้านี้ นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุว่า การเสนอให้ลงโทษทางแพ่ง เพิ่มขึ้นนั้น เป็นการเพิ่มเครื่องมือลงโทษผู้กระทำความผิด รวมถึงช่วยดูแลความผิดปกติในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งมองว่าควรรีบใช้มาตรการลงโทษดังกล่าว เพื่อให้ทันกับผู้ที่กระทำความผิดในคดีทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ ก.ล.ต.ได้ศึกษาเรื่องนี้มาเป็นเวลา 1 ปี เพราะในปัจจุบันนี้การเอาผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯจะเอาผิดทางอาญาอย่างเดียวทำให้ต้องใช้เวลานานในการตรวจ สอบ โดยการปรับปรุงกฎหมายและการลงโทษทางแพ่งเพิ่มเติมที่ ก.ล.ต. เสนอ เช่น เมื่อผู้กระทำความผิดแสวงหาประโยชน์จากตลาดหุ้นไปจำนวนเท่าใดก็ต้องนำเงิน ดังกล่าวมาคืนรัฐพร้อมทั้งเสียค่าปรับ 2-3 เท่า.

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.